ต้องยอมรับกันตามตรงว่าพรรคก้าวไกลนั้นมีเพื่อนน้อย! ตอนช่วงหาเสียงเลือกตั้งก็ประกาศชัดว่าไม่เอา “2 ลุง”
หลังการเลือกตั้ง 24 พ.ค.66 มีการจับขั้วตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลรีบบอกเลยว่าไม่จำเป็น! ต้องดึงพรรคภูมิใจไทย (อนุทิน ชาญวีรกูล) เข้ามา! และไม่เอานายกรณ์ จาติกวณิช จากพรรคชาติพัฒนากล้า
นึกภาพถ้าไม่มีพรรคเพื่อไทย แล้วพรรคก้าวไกลจะมีเพื่อนฝูงทางการเมืองหรือไม่ จะทำงานร่วมกับใครได้บ้าง?
ตราบใดที่พรรคก้าวไกลมี ส.ส.ไม่ถึงครึ่งของสภาฯ ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
วกกลับมาที่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติที่มีความหมายต่อพรรคก้าวไกลเป็นอย่างมาก พรรคก้าวไกลจึงต้องคว้าไว้ให้ได้ แม้พรรคเพื่อไทยก็อยากได้เช่นกัน
ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องมาก่อนนายกรัฐมนตรี และเป็นตำแหน่งที่ใช้เสียง ส.ส.เป็นคนโหวต ส่วน ส.ว.นั้นไม่เกี่ยว
ดังนั้น พรรคก้าวไกลขอคว้าตำแหน่งประธานสภาฯ ไว้กับพรรคของตัวเอง เพื่อให้ชัวร์ไว้ก่อน ส่วนตำแหน่งนายกฯนั้นยังไม่ชัวร์! แม้ว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะทำเอ็มโอยูร่วมกัน ด้วยจำนวน ส.ส. 312 เสียง แต่ยังมีปัจจัยแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ ส.ว. 250 คน จะโหวตไปทิศทางไหน
แต่เท่าที่จับสัญญาณตอนนี้ ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จากปมปัญหาเรื่องมาตรา 112
นอกจาก ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่โหวตให้นายพิธาแล้ว อาจจะโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในระยะสั้นไปก่อนหรือไม่?
ตรงนี้เป็นประเด็นที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ตราบใดที่ “2 ลุง” ยังไม่ยอมวางมือทางการเมือง
โดยมี ส.ว.บางคน ออกมาปูด! ว่ามีความพยายามจัดตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”
หลังจากนั้นก็ “ดูด” ส.ส.จาก 8 พรรค จำนวน 60 คน โดยใช้เงินดูดคนละ 100 ล้านบาท ถ้าดูด 60 คน เท่ากับ 6,000 ล้านบาท
นอกจากประเด็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และเรื่องการดูด ส.ส.มาเติมเต็มในภายหลัง ก็ยังไม่รู้ว่านายพิธาจะผ่านด่านศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการถือหุ้นไอทีวีหรือไม่?
พรรคก้าวไกล จึงมองออกว่าต้องรีบคว้าตำแหน่งประธานสภาฯ มาไว้ในมือก่อน เพราะถ้าไม่ได้ตำแหน่งนี้ไว้
สุดท้ายแล้วอาจจะ “ชวด” ไม่ได้อะไรเลย! ทั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร (นายกฯ) และหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติ (ประธานสภาฯ)
หัวเด็ดตีนขาด! พรรคก้าวไกลจะปล่อยให้ตำแหน่งประธานสภาฯ หลุดลอยไปไม่ได้ เนื่องจาก “ง่าย” เพราะไม่มีอุปสรรคขวากหนามมากมายเหมือนตำแหน่งนายกฯ
โดยตำแหน่งนายกฯ ต้องเจออีก 3 ด่าน คือ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และ ส.ว.
สมมุติถ้าผ่านด้าน กกต.-ส.ว.ไปได้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา ถามว่าพรรคก้าวไกลจะไปชวนใคร (คนนอก) มาเป็นรัฐมนตรี มาดูแลกระทรวงสำคัญๆ
ขนาดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วงหลังๆ ไปชวนคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี ยังไม่มีใครมา!
สุดท้ายจึงวนไปวนมาอยู่กับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
แล้วพรรคก้าวไกล ซึ่งมีเครื่องหมายประทับตราทั้งเรื่องมาตรา 112 เรื่องการปฏิรูปกองทัพ และจะเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ถึงเวลาจะทำได้หรือไม่ได้ ก็ไม่รู้?
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “ของร้อน” ที่คนนอกไม่อยากเข้าใกล้พรรคก้าวไกล!!
เสือออนไลน์