ปัญหาเฉพาะหน้าของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ตอนนี้คือ 1.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติกรณีถือหุ้นสื่อ (ไอทีวี) ที่รัฐธรรมนูญปี 60 ระบุว่า ส.ส.-นายกรัฐมนตรีห้ามถือหุ้นสื่อ โดย กกต.ยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย
กรณีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญต้องให้นายพิธาเข้ามาชี้แจง ก่อนมีคำวินิจฉัยว่าผิด หรือไม่ผิด แต่ถ้าผิดอาจจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี เหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่สะดุดหกล้มเพราะถือหุ้นสื่อ
2. ศาลรัฐาธรรมนูญ รับพิจารณาเรื่องที่มีคนไปร้องเอาผิดนายพิธาและพรรคก้าวไกล กรณีใช้นโยบายหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านว่าว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอาจเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โดยเรื่องนี้ไปค้างอยู่ที่อัยการสูงสุด และเมื่อสัปดาห์ก่อนศาลรัฐธรรมนูญได้ทำเรื่องไปถามอัยการสูงสุด ให้ตอบกลับมาว่าเรื่องดังกล่าวพนักงานอัยการมีความเห็นอย่างไร จนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน อัยการสูงสุดได้ทำหนังสือตอบกลับศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว
ดังนั้น กรณี 112 ไปเกี่ยวข้องกับการล้มล้างการปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญได้เปิดโอกาสให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลชี้แจงภายใน 15 วัน ก่อนวินิจฉัยว่าผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิดทั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค คงถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็น 10 ปี หรืออาจถึงขั้นถูกยุบพรรคด้วย
ทั้งสองเรื่องร้อนที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลโดนเข้าไปเต็มๆนั้น ถือเป็นการใช้กระบวนการทางกฎหมาย ผ่าน กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ แต่จะถูกหรือจะผิดนั้นว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ที่แน่ๆ เป็นการช่วยบรรเทา หรือลดแรงกดดันที่แฟนคลับพรรคก้าวไกล (ด้อมส้ม) พุ่งตรงไปยัง ส.ว.ลากตั้ง 250 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มสูงว่าจะไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ คนที่ 30
บทความของ “เสือออนไลน์” 2 ตอนที่ผ่านมา เสนอมุมมองไปแล้วว่าถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้เก้าอี้ “ประธานสภา” นั่นคือมีสัญญาณว่าจะ “ชวด” หมด!
เนื่องจากเก้าอี้ประธานสภา ใช้แค่เสียง ส.ส. 500 คนโหวตกัน แต่เก้าอี้นายกฯ ต้องใช้เสียง ส.ส.+ส.ว. รวมเป็น 750 คน แถมนายพิธายังมี 2 แผลสด คือ การถือหุ้นไอทีวี และปมร้อน 112
“เสือออนไลน์” ทำนายอนาคตต่อไปว่า 1. นายพิธาจะกลายเป็นตำบลกระสุนตกของบรรดา ส.ว. และ ส.ส.พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม (พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ) ในเรื่องนโยบายหาเสียงจะแก้ไขมาตรา 112
2. พรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้เสนอชื่อนายพิธา (ตามมารยาท) เข้ามาโหวตเป็นนายกฯ จะพลอยฟ้าพลอยฝนถูกกระสุนลูกหลงไปด้วย ในฐานเสนอชื่อนายพิธาที่กำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่อง 112 และหุ้นไอทีวี เข้ามาได้อย่างไร
3. นายพิธาจะได้รับโอกาสเสนอชื่อโหวตในสภาเพื่อเป็นนายกฯ เพียงครั้งเดียว (13 ก.ค. 66) โดยจะไม่มีใครดันนายพิธาเข้ามาโหวตในครั้งที่ 2 อีกแล้ว!
4. คิวต่อไป นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย อาจจะได้เป็นนายกฯ โดยที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เพียงแต่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล
5. ระวัง! เงื่อนไขพิสดารจากมือที่มองไม่เห็น คือ นอกจากไม่ให้พรรคก้าวไกลได้เก้าอี้ประธานสภา-เก้าอี้นายกฯ ยังจะไม่ให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาลด้วย คือบีบพรรคเพื่อไทยให้ย้ายขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย
ส่วนกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หาทางลงจากการเมืองในจุดที่เหมาะสม ด้วยการประกาศลาออกจากพรรค เพื่อวางมือจริงๆ และคงไม่มีการจัดตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” แน่ๆ ปล่อยให้ลูกพรรคเป็นอิสระ ใครอยากจะไปไหนก็ไป!!
เสือออนไลน์
หมายเหตุ:อ่านข่าวเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกัน..
-เนตรทิพย์: Columnist
อ้างของร้อน! 112 ไม่เอา “พิธา” หากถึงคิว “เศรษฐา-อิ๊งค์” ส.ว.ลากตั้งจะอ้างอะไรอีก?
http://natethip.com/news.php?id=6951
-เนตรทิพย์: Columnist
เดิมพันอนาคต “ก้าวไกล” ต้องได้ “ประธานสภาฯ” พลาดคง “ชวด” หมด!
http://natethip.com/news.php?id=6909