กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมการส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่น ณ โรงแรมปุระนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้นำเข้าผลไม้ชาวญี่ปุ่นมาให้ความรู้และคัดเลือกแหล่งผลิตมังคุดไปเปิดตลาดญี่ปุ่น ประเดิมด้วย MOU สั่งซื้อมังคุดไทยทันที 300 ตันรับมาตรการใหม่ญี่ปุ่น
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า "ญี่ปุ่นกำลังจะปรับปรุงมาตรการการนำเข้ามังคุด โดยลดหย่อนให้มังคุดจากประเทศไทยไม่ต้องผ่านการกำจัดศัตรูพืชด้วยกระบวนการอบไอน้ำ(Vapor Heat Treatment) แล้ว ซึ่งทราบมาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่ามาตรการดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของฝ่ายญี่ปุ่นแล้ว และคาดว่าน่าจะเริ่มประกาศใช้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จึงได้สั่งการไปยังทูตพาณิชย์ให้เร่งผลักดันมังคุดเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ในทันที ทั้งนี้ เพื่อขยายมูลค่าการส่งออกและช่วยสร้างราคาที่ดีให้แก่มังคุดของไทย และเพื่อขยายตลาดสำหรับผลไม้ไปยังตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพิงเฉพาะตลาดเดิมของมังคุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีนอีกด้วย"
สำหรับแผนการเร่งเปิดตลาดมังคุดไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นนั้น นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า "ที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นจะมีการนำเข้ามังคุดจากประเทศไทยสูงสุดเพียงปีละ 100 ตัน ทั้งนี้เป็นเพราะมังคุดที่จำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นนั้นจะต้องผ่านกระบวนการอบไอน้ำก่อน ซึ่งส่งผลให้มังคุดไทยที่วางขายอยู่มีราคาแพงตามต้นทุนที่สูงขึ้น และความร้อนก็ได้ทำให้มังคุดมีความอร่อยลดน้อยลงและผลเองก็ดูไม่สวยไม่น่าทานมากนัก ดังนั้น จากการที่กระทรวงเกษตรได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่องจนฝ่ายญี่ปุ่นยอมลดหย่อนมาตรการในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการเปิดประตูมังคุดไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นครั้งสำคัญ เพราะต่อไปชาวญี่ปุ่นจะได้รับประทานมังคุดที่ทั้งอร่อยและมีราคาขายในญี่ปุ่นที่ไม่สูงมากเท่าเดิม ดังนั้น จึงได้นำคณะนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นระดับ CEO ของบริษัทผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ อาทิ บริษัท Green Farm Co.,Ltd., บริษัท Bay commerce Co., Ltd และบริษัท Oisix ra daichi Inc ให้ร่วมเดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ชิมว่ามังคุดของไทยที่ไม่ได้ผ่านการอบไอน้ำนั้นมีรสชาติอร่อยเพียงใด อีกทั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มผู้ซื้อว่าประเทศไทยนั้นเป็นแหล่งผลิตมังคุดที่มีระบบควบคุมคุณภาพที่ดีอีกด้วย ซึ่งผลก็คือกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นนั้นประทับใจในมังคุดของบ้านเราอย่างมาก พร้อมกับสั่งออเดอร์เพื่อเข้าไปเปิดตลาดทันที 300 ตัน ซึ่งหลังจากนี้ ก็ได้เตรียมแผนจัดกิจกรรมโปรโมทมังคุดเพื่อเพิ่มยอดขายในตลาดญี่ปุ่นโดยทันที ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่ากิจกรรมในวันนี้จะนำไปสู่การขยายการส่งออกมังคุดเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกเป็นหลักพันตันในอนาคตอันใกล้นี้ได้อย่างแน่นอน"
นางประไพ เพชรพงศ์พันธุ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า "มังคุดถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนอกจากจังหวัดจะเป็นแหล่งผลิตมังคุดจำนวนมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของไทยแล้ว ด้วยพื้นที่ปลูกที่ติดกับเทือกเขาซึ่งเหมาะสมกับการเพาะปลูกมังคุดอย่างยิ่ง ยังทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงและมีรสชาติดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งทันทีที่ได้รับการประสานมาจากทูตพาณิชย์ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทางสำนักงานจึงได้ทำการคัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมในการส่งออก และผ่านกระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะโดยปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP) มาให้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น ซึ่งจากผลที่ได้รับนั้น นอกจากเกษตรกรผู้ปลูกมังคุดภาคใต้จะรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมการส่งออกมังคุดเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นแล้ว การได้รับคำสั่งซื้อมังคุดจากจังหวัดนครศรีธรรมราชให้สามารถก้าวเข้าไปปักธงในตลาดญี่ปุ่นได้ในครั้งนี้นั้น ยังถือว่าเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่น่าภาคภูมิใจของจังหวัดอย่างยิ่งอีกด้วย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะทำงานประสานกับทูตพาณิชย์ ประจำประเทศญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางขยายตลาดเพื่อให้สามารถรองรับผลผลิตมังคุดที่กำลังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในเดือนหน้าได้ต่อไป"
นอกจากการผลักดันมังคุดเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นแล้ว กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังมีแผนขยายการส่งออกผลไม้ประเภทอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมการส่งออกกล้วยและผลิตภัณฑ์จากกล้วยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้ากิจกรรมได้ที่ www.ditp.go.th หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง สายด่วน 1169