การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คาดว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค. 66 มีแนวโน้มสูงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นนายกฯแน่นอน หลังการเลือกตั้งผ่านมา 3 เดือนแล้ว
ณ วันที่ 10 ส.ค. 66 พรรคเพื่อไทยสามารถรวบรวมเสียง สส. ได้แล้ว 278 คน ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 141 คน พรรคภูมิใจไทย 71 คน พรรคประชาชาติ 9 คน พรรคชาติพัฒนากล้า 2 คน พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน พรรคพลังสังคมใหม่ 1 คน พรรคท้องที่ไทย 1 คน
รวมทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา 10 คน และหลังสุดคือ พรรคพลังประชารัฐ 40 คน เป็นการรวบรวมเสียงเพื่อรีบตั้งรัฐบาล ให้ประเทศเดินหน้าเสียที
หลังการเลือกตั้งผ่านมานานพอสมควร แต่ประเทศไทยมีรัฐบาล-นายกฯ ล่าช้า เพราะติดกับดัก..
1. สว.ลากตั้ง 250 คน ที่เป็นผลไม้พิษ จากต้นไม้พิษ คือ การรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57
2. พรรคก้าวไกลนอกจากจะเจอเงื่อนไขมาตรา 112 ที่ไม่มีพรรคการเมืองไหนในขั้วอำนาจเดิมอยากทำงานด้วย รวมทั้ง สว.ส่วนใหญ่ไม่เอาพรรคก้าวไกล จึงไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ สุดท้ายต้องส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ สส.เป็นอันดับที่ 2
3. กับดัก 2 ลุง “มีลุง ไม่มีเรา” ทำให้พรรคก้าวไกล จับขั้วไหนก็ลำบาก
จาก 3 กับดักประเทศ! ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลคาราคาซัง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา สุดท้ายพรรคเพื่อไทยจึงต้องจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อเป็น “สารตั้งต้น” ในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยมี “วงใน” กระซิบกันว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้องการชิ่ง! จาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มี สส. 40 คน แต่ยังหวังที่จะเป็นนายกฯ จากการสนับสนุนของ สว.ลากตั้ง
อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์โยนหินถามทาง เพื่อขอเสียงโหวตสนับสนุนจากพรรคก้าวไกล ช่วยผลักดันนายเศรษฐาเป็นนายกฯ สุดท้าย “เข้าล็อค” เพราะไม่มีเสียงตอบรับจากแกนนำพรรคก้าวไกล แถมยังมี สส.ประเภท “ห้าวเป้ง” อ้างขอสอบถามความเห็นจากประชาชนที่เป็นฐานเสียงของพรรคก้าวไกลก่อน
เรียกว่าสอบถามความเห็นจากฐานเสียงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ข้ออ้างที่สวยหรูว่า ฐานเสียงพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการโหวตช่วยแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการ “พลาดท่า” อีกครั้งของพลพรรคก้าวไกล ก่อนที่จะต้องไปเป็นฝ่ายค้านเป็นที่ชัดเจน!
เนื่องจาก นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้สัมภาษณ์ตอกตะปูปิดฝาโลง ว่าประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลเร่งด่วน เพราะปัญหาหลายเรื่อง เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน จึงควรต้องมีรัฐบาล จึงจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย โดยพรรคพลังประชารัฐจะไม่ขาดแม้แต่คนเดียว และหากมาก็มาทั้งหมด รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร
“ตนเคยเป็นเด็กเก่าพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อว่าจะทำให้ผ่าวิกฤติทางการเมือง และเศรษฐกิจทั้งหมดได้ ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเลือกนายกฯ ตนได้รับการประสานจากพรรคก้าวไกล (หมอคนหนึ่ง) ให้ช่วยโหวต
ดังนั้น จึงคิดว่า ไม่แปลกที่วันนี้เราพร้อมจะให้บ้านเมืองก้าวข้ามปัญหาตรงนี้ไป ส่วนเรื่องการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ขอจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ” นายไผ่ กล่าว
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ยื้อที่จะเป็นนายกฯ ตอนอายุ 78 ปี ส่วนนายกฯ จะไปตกอยู่กับคนของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างแน่นอน ขณะที่พรรคก้าวไกลเที่ยวนี้สะดุดขาตัวเองด้วยหุ้นไอทีวี-มาตรา 112 แถมยัง “ไร้เพื่อน” จึงต้องเป็นฝ่ายค้านไปพลางๆ ก่อน!!
เสือออนไลน์