การโหวตเลือกให้ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็น “นายกฯคนที่ 30” ของรัฐสภา 22 ส.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยและคนไทย...ยังคงต้องลุ้นตัวโก่ง! ที่สุด พรรคร่วมฯ และ ส.ว. ที่เจรจากันไว้ จะทำตามคำมั่นสัญญาหรือไม่? แต่ระดับ “ทักษิณ ชินวัตร” คนที่เพิ่งประกาศตัวรอบใหม่ “จะกลับบ้านเช้าวันเดียวกับเลือกนายกฯ” มั่นใจสุดๆ แคนดิเดทเพื่อไทยเป็นนายกฯ ชัวร์! ชัวร์ระดับ ตัดทิ้งสวนกล้วยหรือไม่? ยังเป็นข้อสงสัย แต่ที่แน่ๆ คนไทยมาลุ้นกันว่า งานนี้...จะม้วนเดียวจบ! หรือม้วนเดียวจอด!
........................
การเมืองยังไม่รู้?...จะออกหัวออกก้อยยังไง! “เศรษฐา ทวีสิน” ว่าที่นายกฯ คนใหม่จากพรรคเพื่อไทย จะผ่านการโหวตของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้หรือไม่? ยังต้องลุ้น!
เราผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 มายาวนาน 3 เดือนเศษ คนไทยยังไม่ได้นายกฯคนที่ 30 และประเทศไทยก็ยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ มันอะไรกันนี่?...
หากไม่มีรัฐธรรมนูญ 2566 ตัวปัญหา...ที่ “กลุ่มอำนาจเก่า-อนุรักษ์นิยม” ผ่านถือครองอำนาจ...ผ่านขบวนการและมือที่ไม่มองเห็น เพื่อใช้เป็นแกนขับเคลื่อนและบงการการเมืองไทยแล้ว
ป่านนี้...คนไทยคงมีนายกฯ ที่ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และประเทศไทยก็จะมีรัฐบาลฟากประชาธิปไตย ที่ได้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ มีพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ร่วมกันพันธมิตรในฝั่ง 8 พรรคการเมืองเอ็มโอยูกันไปแล้ว
ไม่อยากจะคิดเลยว่า...ตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา นายกฯ คนใหม่และรัฐบาลชุดใหม่ จะนำพาอะไรดีๆ ทั้งจาก 300 นโยบายของพรรคก้าวไกล และอีกนับร้อยนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล มารังสรรค์ให้กับคนไทยและประเทศไทยได้บ้าง
ต้องไม่ลืมว่า...พวกเขามาจากประชาชน และยึดโยงประชาชนเป็น “ศูนย์กลาง” หากไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งฯ อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในกาลต่อมา?
อาจพูดได้เต็มปากว่า...ทั้งคนไทยและประเทศไทย รวมถึงภาคธุรกิจ การค้า อุตสาหกรรมและการลงทุน ฯลฯ ต่างสูญเสียโอกาสดีๆ ไปกับรัฐธรรมนูญฉบับตัวปัญหานี้ ไปอย่างมากมาย???
ท่ามกลางความไม่รู้? ว่า... "เศรษฐา ทวีสิน" จะผ่านฉลุย! เช่นที่ “ต้นสังกัด” พรรคเพื่อไทย ประกาศความมั่นใจอย่างแรงว่า...ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และ สว.บางส่วน จะยกมือสนับสนุนให้แคนดิเดทนายกฯ ของตัวเอง...เป็นนายกฯ คนใหม่
แบบ...ม้วนเดียวจบ!
ยังจะก็มีการปั่นกระแสข่าว... ทักษิณกลับบ้านรอบใหม่! ออกมาแต่เช้าของวันที่ 19 สิงหาคม โดย “ลูกสาวคนเล็ก” แพทองธาร ชินวัตร ออกมาโพสต์ผ่านไอจีส่วนตัวว่า...
“อังคารที่ 22 ส.ค. 9.00 น. ณ ดอนเมือง จะไปรับคุณพ่อทักษิณ” ก่อนจะสำทับภายหลังว่า...งานนี้ไม่เพ้อเจ้อนะคะ
ที่เธอต้องย้ำ! เพราะก่อนหน้านี้ ไปดูแคลน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” คนเห็นต่างและไม่เชื่อว่า...อดีตนายกฯ ทักษิณ จะกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคม...ตามกำหนดการแรก และได้ป้ายสีด้วยวลีเดียวกัน “เพ้อเจ้อ” ใส่จอมแฉ...ชูวิทย์
การกลับบ้านของอดีตนายกฯทักษิณ น่าจะอยู่บนความสนใจของ “สื่อหลักระดับโลก” อย่างน้อย...ก็ทำให้ สำนักข่าวบีบีซีไทย นำเสนอข่าวที่อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของเขา ก่อนบินออกจากนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังสิงคโปร์ ถึงกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทย ทำนองว่า...
“ไม่เลื่อนแน่นอน และจะไม่เลื่อนเดินทางอีกแล้ว”
มากกว่านั้น เขายังแสดงความมั่นใจผ่านสื่อต่างประเทศ ถึงโอกาสการเป็น นายกฯ คนที่ 30 ของ “เศรษฐา ทวีสิน” โดยเมื่อถูกถามว่า...มั่นใจหรือว่า แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงสนับสนุนมากพอจาก สส. และ สว.
เป็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่เน้นย้ำว่า “แน่สิ!”
ก่อนจะปฏิเสธถึงกำหนดการเดินทางกลับประเทศในครั้งนี้ว่า...ไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกฯ เพราะตัวเขามีแผนที่จะเดินทางกลับไว้แล้ว ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะกำหนดวันยกมือโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เสียอีก
“เดิมผมกำหนดกลับวันที่ 31 ก.ค. แต่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุด ผมจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 ส.ค. แต่มีคนไปดูฤกษ์ดูยาม ให้เป็นวันที่ 22 ส.ค. เขาบอกว่าเป็นวันดี ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ไม่อยากขัดใจ อยากให้ทุกคนรักกัน อยากให้บ้านเมืองสงบ” อดีตนายกฯ ทักษิณ ระบุและย้ำว่า
เหตุผลของการไม่เลือกกลับวันที่ 21 ส.ค. เพราะเป็นวันเกิดของลูกสาว น.ส.แพทองธาร ซึ่งคงไม่ได้ฉลองในวันนั้น เพราะต้องไปนอนในคุก โดยเมื่อเดินทางถึงไทยในวันที่ 22 ส.ค. คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ และพิมพ์ลายนิ้วมือ
สุดท้าย...เขาได้ทิ้งท้ายด้วยคำกล่าวที่อ้างกับบีบีซีไทย ว่า...“ผมอายุเยอะแล้ว คิดถึงหลาน อยากอยู่กับครอบครัว”
ทักษิณจะกลับไทยหรือไม่? กลับไทยแล้วติดคุกกี่ปี? เป็นเรื่องที่คนไทยคงต้องตามดูกันต่อไป...
แต่ในวันเดียวกันกับที่ตัวเขาจะกลับไทยในช่วงเช้านั้น ตลอดทั้งวันของวันที่ 22 สิงหาคม สังคมไทยและต่างชาติที่เกาะติดการเมืองไทย คงต้องลุ้นระทึกไปกับการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ อย่างแน่นอน
หันไปดูกันที่...คุณสมบัติและจริยธรรมทางการเมือง ของว่าที่นายกฯคนใหม่ ที่ถูกผูกโยงมาจาก...จริยธรรมในการทำธุรกิจ ซึ่ง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ได้ออกมาแฉไปแล้วถึง 2ep. และมีแนวโน้มจะออก ep.ใหม่ๆ ตามมา
อาจเป็นวันนั้น...สำหรับ ep.3 ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า...อาจเป็น จุดตาย! เปลี่ยนจาก “ม้วนเดียวจบ เป็นม้วนเดียวจอด!” ก็เป็นไปได้
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาถึงพฤติกรรมการซื้อที่ดินของ บมจ.แสนสิริ ภายใต้การดูแลองค์กรของ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ "เฮียชูวิทย์" ออกมาเปิดโปงต่อเนื่อง และเป็น ep.2 ที่ดูเหมือนจริงและรุนแรงในความฉ้อฉล ที่มีการทำกันเป็นขบวนการ สรุปความให้กระชับ นั่นคือ...
มีการตั้งบริษัทนอมินี สวมชื่อแม่บ้าน และ รปภ.มาเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังได้ทำการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทนี้นับพันล้านบาท สุดท้ายเมื่อเสร็จภารกิจ “ซื้อที่ดิน” เพื่อการวางแผนก่อสร้างโครงอสังหาริมทรัพย์ ก็ปิดทิ้งบริษัทนั้นไปเสียดื้อๆ
โดยที่ “เศรษฐา ทวีสิน” และ บมจ.แสนสิริ อ้างว่า...ไม่รู้เรื่องด้วย? ขณะที่ “ชูวิทย์” ถามกลับ...ด้วยน้ำเสียงที่สูงปรี๊ด...มันได้ด้วยหรือ?
ลองไปฟัง “จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตคนเคยรัก! ทั้งกับอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาวิเคราะห์ในเรื่องเดียวกันกัน โดยระบุว่า... “เศรษฐา ทวีสิน” กำลังโดนวิบากกรรมครั้งร้ายแรงสุดในชีวิตทางการเมือง เพราะสังคมนี้...หาความจริงใจได้ยากยิ่ง!!!
ก่อนถึงวันที่ 22 สิงหาคมนี้ เขาแนะนำให้ “เศรษฐา ทวีสิน” ควรจะชี้แจงในทุกข้อกล่าวหาให้มากกว่าที่ทำมาแล้ว และจะต้องชี้แจงเป็นข้อๆ ไม่ใช่พูดรวมๆ โดยไม่ลงลึกในทุกคำตอบของทุกข้อกล่าวหาที่มี
“จตุพร พรหมพันธุ์” ยกกรณีศึกษาของคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย เมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้ มีเปรียบเทียบกับกรณีของ บมจ.แสนสิริ และ “เศรษฐา ทวีสิน”
โทนเรื่องมีลักษณะใกล้เคียงกัน!!!
เขาชี้ว่า... แค่คำชี้แจงจากข้อกล่าวของ “เฮียชูวิทย์” กระทั่งสังคมไทย...โดยเฉพาะสมาชิกรัฐสภาจะเกิดความกระจ่าง โดยเชื่อว่า...การกระทำที่มาไม่ผิดข้อกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว และหากไปดูกรณีของธนาคารกรุงไทย ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันด้วยแล้ว โอกาสที่ทั้ง บมจ.แสนสิริ และ “เศรษฐา ทวีสิน” จะไม่ผิดตามข้อกล่าวหา...คงไม่ใช่เรื่องง่าย!