หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนระยะสั้นของพรรคเพื่อไทย คือ การไฟเขียวให้ทำประชามติแก้ไข หรือทำรัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับใหม่ขึ้นมาแทนรัฐธรรมนูญปี 60
การทำประชามติแต่ละครั้ง ต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ถ้ารัฐบาลไม่อนุมัติเงินจำนวนดังกล่าว คณะกรรมกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปทำประชามติ ซึ่งเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ต้องทำ “ประชามติ” ก่อน! เพื่อเอาไปหักล้างกับผลของประชามติเดิมเมื่อปี 59 ที่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 60 จึงจะสามารถทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มีการพูดถึงกัน
แต่ถึงแม้จะเป็นนโยบายเร่งด่วนในระยะสั้น พรรคเพื่อไทยคงจัดลำดับเรื่องการไฟเขียวให้ทำประชามติ ไว้เป็นงานสุดท้าย เนื่องจากยังมีเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญให้ทำก่อน นั่นคือ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน
ไล่ตั้งแต่การลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ลดค่าไฟฟ้าลงมาเหลือ 3.99 บาท/หน่วย (จากเดิม 4.45บาท/หน่วย) พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) เป็นเวลา 3 ปี วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน เป็นเวลา 5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.66 – 29 ก.พ.67
ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติหารือหลายภาคส่วนเพื่อเปิดใช้สนามบินเชียงใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง และประมาณวันที่ 1 ก.พ.57 จะมีการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ให้กับทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ส่วนเรื่องต่อไป นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะปัดฝุ่นกระตุ้นโครงการเก่าๆ ที่ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก เช่น โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาควันออก (อีอีซี) โครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการสร้างทางด่วน-ทางพิเศษ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยอีกหลายโครงการ ด้วยเม็ดเงินการลงทุนหลายแสนล้านบาท
แต่ทีเด็ดไปกว่านั้นคือ.. “การเจรจาพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา” น่าจะจบในยุคนายเศรษฐานี่แหล่ะ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและทิศทางของราคาพลังงานในอนาคต
เนื่องจากในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลดังกล่าว ว่ากันว่ามีก๊าซและน้ำมันในปริมาณใกล้เคียง หรือมากกว่าแหล่งก๊าซ-น้ำมันในพื้นที่อ่าวไทยที่ขุดกันมากว่า 30 ปี แต่ตอนนี้มีปริมาณร่อยหรอลงไปทุกวัน ต้องเจาะหลายหลุม กว่าจะได้ปริมาณการผลิตก๊าซเท่าเดิม จึงต้องนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี จากตะวันออกกลางที่มีราคาผันผวนตลอดเวลาเข้ามาป้อนโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่นๆ
ดังนั้น รัฐบาลนายเศรษฐาคงเปิดการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาในไม่ช้านี้ เพื่อหาเงินรายได้มากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ
โดยเฉพาะต้องหาก๊าซราคาถูก มาป้อนโรงไฟฟ้าในประเทศไทย และมาป้อนโรงแยกก๊าซ 6 โรง เพื่อต่อยอดไปยังธุรกิจปิโตรเคมี
ตอนนี้จึงเห็นนายเศรษฐาทำงานอย่างไม่มีวันหยุด และจะนอนพักในทำเนียบรัฐบาลด้วยซ้ำไป เพื่อปลุกเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว และรีดผลงานของพรรคเพื่อไทยออกมาให้มากที่สุด
อย่างน้อยนายเศรษฐาต้องเป็นนายกฯ 4 ปี เพื่อสร้างผลงาน แต่ก่อนถึง 4 ปี ก็ต้องดูจังหวะเวลาไฟเขียวให้ทำประชามติ ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วประมาณปี 70 จึงเลือกตั้งกันด้วยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่!!
เสือออนไลน์