“เศรษฐา ทวีสิน” เริ่มถูกจับจ้องในความเป็น “นายกฯขี้วีน!” เหมือนกับคนก่อนๆ แต่สิ่งนี้...จะถูกทำลายลงสิ้น! หากเขาสามารถพิสูจน์ผลงาน จากเนื้องานที่เกิดขึ้นจริง! ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ ขยายการส่งออก ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและกลุ่มทุนข้ามชาติ’ เข้าไทย ดันจีดีพีพุ่งทะยาน 5% ได้? ต่อให้ดิบ...เถื่อน...สถุน! กับนักข่าวไทยแค่ไหน? คนไทยก็พอรับได้!!!
………………….
ขี้วีน!...โมโหโทโส!...บางครั้งก็ เผลอหลุด?...ผุดคำ “ผรุสวาท” ออกกลางวงแถลงข่าว จนไม่เป็นที่ชื่นชอบของ กลุ่มผู้สื่อข่าวสายอสังหาริมทรัพย์ สักเท่าใด?
แทนที่จะรู้สึก...ร่วมภาคภูมิใจในตัว “แหล่งข่าวระดับสูง” ที่อุตส่าห์ “ปีนไต่ระดับ” ในทางการเมือง ถึงขั้นสูงสุด...กับบทบาท "ผู้นำประเทศ"
ตรงกันข้าม..กลับมีเสียงค่อนขอด...คุ้ยเขี่ยจากกลุ่มผู้สื่อข่าวสายอสังหาริมทรัพย์ อยากให้ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตซีอีโอ – กลุ่มแสนสิริ โดน “ผู้สื่อข่าวสายการเมือง - ฮาร์ดคอร์” ทั้งฝั่งทำเนียบรัฐบาล และฟากสภาผู้แทนราษฎร รวมถึง “ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ” สายแข็ง อย่าง...สายข่าวกระทรวงการคลัง จิกกัด...เอาซะบ้าง...คงพอจะลดพยศกันได้!
แต่ที่ไหนได้? ขอบอก...ยามนี้ ผู้สื่อข่าวทุกสาย โดนเหมือนกันหมด!!!
บางช่วง...ระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ทั้งในทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา รวมถึงในห้องแถลงข่าวของกระทรวงการคลัง เมื่อวันเปิดตัว...เข้าไปทำงานในกระทรวงการคลัง นัดแรก...ก็เริ่มออกอาการ “วีนแตก!” ให้พอได้เห็นกันบ้าง
ชัดเจนสุดๆ ก็เมื่อ เช้ามืดของวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. 2566 หลังเหยียบแผ่นดินไทย ก่อนถึงคิวต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก...เมืองเซี่ยงไฮ้ จีนแผ่นดินใหญ่ กว่า 300 ชีวิต ที่มีโปรแกรมท่องเที่ยวไทย หลังนโยบาย “วีซ่าฟรี!” เริ่มมีผลบังคับใช้ในเช้าวันเดียวกัน
นิสัย...ความเป็น “ซีอีโอ” ไม่ว่าจะในบริบทใด? ภาคเอกชนหรือส่วนราชการ ยังคงเส้นคงวา…เสมอต้นเสมอปลาย!!!
ภาพลักษณ์ความเป็น "ผู้นำประเทศ" อาจไม่ถูกนำมาใช้มากนัก เมื่อคำถามโดนๆ จากกองทัพผู้สื่อข่าว ที่ยิงคำถาม ชนิด...รัว เร็ว และเจาะลึก ในหลากหลายประเด็นที่พวกเขาสนใจ และมันเกี่ยวข้องกับบริบทความเป็น “นายกรัฐมนตรี”
โดยเฉพาะปมให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ กับคำถามที่... “โดนใจ” ชาวประชา แต่ “ไม่ถูกใจ” ซีอีโอ จึงต้องวีนแตก! อย่างที่เห็น...กลางสนามบินสุวรรณภูมิ
แม้เจ้าจะปฏิเสธ...พร้อมไล่ให้ไป “ถอดความ” ระหว่างบรรทัดของการให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่ ทำนอง...มีคำไหนบ้าง? ที่บอกว่าจะเชิญ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” ด้วยหวังจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ “รัฐบาลเศรษฐา” ทันทีที่อดีตนายกฯ คนนั้น...พ้นโทษออกมา
ใครจะมิสนใจใยดี...กับภาพลักษณ์ความเป็น “ผู้นำประเทศ” ก็ไม่เป็นไร? มาว่ากันที่เนื้องานและผลงานกันก็ได้...
ต้องถือว่า...การเปิดตัวในเวทีโลก “ครั้งแรก” ของ “นายกฯเศรษฐา” ในเวทีการประชุม สมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (78th Session of the United Nations General Assembly : UNGA78) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18-24 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา...
ถือว่า...ไปได้สวย แถมยังมีสื่อบางสำนักในไทย ยกย่องว่า...นี่คือการเรียกคืน “เกียรติภูมิของชาติ” กลับมาในรอบเกือบปี 10 และยังจะได้นำ “3 สูง” จากเมืองไทย ไปอวดสายตาชาวโลก
สูงหนึ่ง...ด้วยสรีระที่เด่นสง่า 192 ซ.ม. สูงเกินผู้นำ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเกือบทุกชาติ
สูงสอง…รสนิยมแต่งกายที่โดดเด่น เป็นสง่า และมีความแตกต่าง กลายเป็น “ภาพจำ” ของผู้นำประเทศจากซึกโลกตะวันออก ที่พ่วง “รสนิยมขั้นสูง” เอาไว้กับเครื่องแต่งกาย ในท่ามกลาง “ผู้นำ” จากนานาประเทศ ชนิด “เหนือชั้นกว่า”
และ สูงสาม...มุมมอง – วิสัยทัศน์ ที่กว้างไกล กับสปีช SDG ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งหมดถูกนำเสนอผสานการสื่อสารด้วย ภาษาสากลโลก!
สิ่งที่ได้กลับมา…มากกว่าเครดิตของประเทศ ก็คือ ความน่าสนใจในเวทีนานาชาติ ในฐานะ “ประเทศที่น่าลงทุน” มากสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิ่งนี้...มีความเป็นจริงมากทีเดียว! เรื่องเนื้องาน...ต้องบอกว่า นายกฯ คนที่ 30 ของเมืองไทยรายนี้...ทำกันแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย? แทบไม่มีวันหยุดพักผ่อน
ทำงานบนเป้าหมายที่ชัดเจน! นับแต่ปี 2567 เป็นต้นไป เศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี จะต้องเติบโตปีละ 5% เป็นอย่างต่ำ!!!
ทำเอา...หลายสำนักข่าว-สื่อกระแสหลัก! ต้องจัดเตรียม “ทีมข่าว” ไว้รองรับมากถึง 3 ทีม เป็นอย่างต่ำ? และแต่ละทีม...ยังต้องคอยเช็คและถามไถ่ประเด็นข่าวกันและกันอยู่ตลอดเวลา เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องจัดหา “ทีมที่ปรึกษา” ทั้งในมิติ “วิชาการ” (นักวิชาการ) และมิติ “วิชาชีพ” (นักธุรกิจ, นักเศรษฐศาสตร์ และสื่ออาวุโส) เพื่อรับมือกับภารกิจของ “รัฐบาลเศรษฐา” อย่างเท่าทัน...
ทีมตามนายกฯ, ทีมเฉพาะกิจ (เอาไว้รองรับ “ทีมหลัก” ที่จำต้องหยุดพักร่างกาย) ยังจะมี...ทีมเศรษฐกิจ “สายการเงิน-การคลัง” ที่เชี่ยวชาญข่าวเฉพาะทาง...ด้านนี้โดยตรง ครั้นจะให้ทีมข่าวสายการเมือง เจาะลึกประเด็นเศรษฐกิจการคลัง มีหวัง...ตายน้ำลึก! จึงต้องสลับสับเปลี่ยนและแปลกประเด็นข่าวกันและกัน
ยิ่งในสถานการณ์ “รัฐบาลเศรษฐา” จำต้องเดินหน้าสารพัดนโยบาย “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ด้วยแล้ว? มุมมองในประเด็นข่าวทางด้าน “เศรษฐกิจการเมือง” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด…
นอกจาก...นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีสารพัดโครงการที่จะเกิดขึ้นภายในประเทศ “โฟกัส” ไปที่คนไทยในทุกภาคส่วน ทั้ง...ภาคธุรกิจเล็ก-ใหญ่ ภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี เกษตรกร ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป ยังจะมี...นโยบายที่เล่นกับรัฐบาล นักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกหลายพะเรอเกวียน ทยอยตามๆ กันมาอีกเพียบ!
ก่อนหน้านี้...เราได้เห็น นโยบาย “วีซ่าฟรี” ช่วงแรกกับ...นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน ไปแล้ว ต่อด้วย...นโยบายเปิดเกมรุก! ด้านการส่งออก ผ่าน...“ทูตการค้า” ที่ประจำการอยู่ใน 56 ประเทศทั่วโลก สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ นั่นก็คือ...
การเชิญชวนให้นักธุรกิจและนักลงทุนระดับโลก จากภูมิภาคต่างๆ “ตบเท้า” เข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งผลสำเร็จที่เกิดขึ้นตามมา หลังจากเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา...ถือว่า...น่าสนใจอย่างมากทีเดียว!
“โฆษกรัฐบาล” นายชัย วัชรงค์ บอกผ่าน ไลน์กลุ่ม “ไทยคู่ฟ้า” เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า... กลุ่มทุนต่างชาติชอบเสน่ห์ของประเทศไทย แต่ติดที่...ที่ผ่านมาเรายังไม่มีรัฐบาลประชาธิปไตย เมื่อมีมี "ผู้นำคนใหม่" แล้ว...กลุ่มทุนต่างชาติก็พร้อมจะเข้ามาลงทุนในไทย
สอดรับกับภาพข่าวที่ส่งมาจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อปรากฏภาพของ “นายกฯ เศรษฐา” พูดคุยหารือร่วมกับ...บรรดาผู้นำยักษ์เล็ก-ยักษ์ใหญ่ รวมถึงกลุ่มทุน ทั้งในระดับสมาคมและบริษัทขนาดใหญ่ ทั้งจากทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย และอาเซียน
เป้าหมายตรงกัน ดึงเอากลุ่มทุมข้ามชาติเหล่านี้ เข้ามาลงทุนในไทย
จุดเด่น! ที่แตกต่างและเหนือกว่า อีกหลายประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือ...ความพร้อมรองรับกลุ่มทุนเหล่านั้น โดยเฉพาะ...ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น...ระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งถนน ระบบบาง ทางด่วน ทางทะเล แม้กระทั่ง แม่น้ำและลำคลอง
ในไทยเรามีพร้อมตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังครบครันและทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั่วไทย
แล้วยังจะมีความพร้อมรองรับโรงงานอุตสาหกรรมการทุกชนิด ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น...ระบบไฟฟ้า ประปา ที่นี่...ไม่มีปัญหา “ไฟฟ้าดับ” ระหว่างวัน ให้นักลงทุนต่างชาติต้องรู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ ถึงขั้นอยากย้ายฐานการผลิตหนีสภาพปัญหาซ้ำซาก!!!
ยังถึงพร้อมด้วย “สกิลแรงงาน” ทักษะระดับดีถึงดีมาก รองรับทุกอุตสาหกรรมการผลิต แม้ในภาคบางแรงงานของบางอุตสาหกรรม ที่ไทยเราพอจะมี แต่อาจไม่ดีพอ แต่ทว่า...แรงงานไทยเหล่านี้ ก็พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ให้ได้ตรงตามความต้องการของนายทุนต่างชาติ
ที่สำคัญกับสารพัดเงื่อนไข...เอื้อประโยชน์ต่อภาคการลงทุนที่มีให้กับทุนข้ามชาติ ถือว่าไม่ด้อยกว่าคู่แข่งในชาติอาเซียน หรืออาจดีกว่าด้วยซ้ำ!
ไม่ว่าจะเป็น....สิทธิพิเศษทางบีโอไอ และ/หรือ สิทธิพิเศษอื่นๆ ของแต่ละโครงการ โดยเฉพาะ...โครงการอีอีซี หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่ “พลัส...เพิ่ม” ให้เกินกว่าที่ บีโอไอ ได้ให้เอาไว้...
อนาคตอันใกล้ ไทยยังมีแผนการที่จะผุดในอีกหลายโครงการขนาดยักษ์ตามมา โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์และเอสอีซี (ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้) บริเวณภาคใต้ของไทย ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท
ล่าสุด รมว.คมนาคม "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ออกมาตอดย้ำหนักแน่น ว่า...รัฐบาลพร้อมจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อไป สวนทางกับกระแสข่าวที่ว่า...รัฐบาลอาจพิจารณายกเลิก จนเกิดอาการ “มึนตึง” กับพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง...พรรคภูมิใจไทย ที่ตั้งเรื่องนี้...มาตั้งแต่สมัย “รัฐบาลลุง” ไว้แล้ว..
"สุริยะ” ยืนยัน...ไม่มีทางที่รัฐบาลจะยกเลิกแผนการลงทุนขนาดยักษ์ และจะเร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็ว
หลายธุรกิจข้ามชาติ…ที่หากใครเคยได้ยินได้ฟังมา คงตาลุกวาว! ตั้งแต่ก่อนการเดินทางเข้าร่วมประชุม UNGA78 ของ “นายกฯเศรษฐา” เละคณะฯ โดยเฉพาะ แนวโน้มการเข้าลงทุนในกิจการ “โรงกลั่นและคลังน้ำมัน” จากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย มูลค่าหลายแสนล้านบาท บริเวณพื้นที่ภาคใต้ของไทย และการลงทุนของกลุ่มทุนจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรปฯ กับโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมไฮเทคอื่นๆ
รวมถึงที่กำลังจะเกิดขึ้น? อันเป็นผลมาจากการเจรจาเรื่องการค้าและการลงทุน ระหว่างที่ “นายกฯ เศรษฐา” ปฏิบัติหน้าที่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ที่น่าสนใจมากสุด! คงไม่พ้น...การเจรจากับกลุ่มเทสลาและบริษัทในเครือ อย่าง...“สเปซเอ็กซ์” (จรวดและดาวเทียม) และโครงข่ายให้บริการอินเทอร์เน็ต “สตาร์ลิงก์” ที่อาจเกิดขึ้นในไทยตามมา ด้วยเพราะวลีดีๆ ที่มีและต่างชื่นชมกันและกัน นั่นคือ...
“2 ฝ่าย...ต่างต้องการทำเพื่อมนุษยชาติ และเพื่อโลกที่สะอาดสู่อนาคตที่ดีขึ้น”
ไม่ว่าโอกาสความสำเร็จจากที่ “นายกฯ เศรษฐา” เละคณะฯ เดินทางเข้าร่วมประชุม UNGA78 จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเกียรติภูมิความเป็น “รัฐไทย..ในความเป็นประชาธิปไตย” มากน้อยแค่ไหน?
และจะถึงเอากลุ่มทุนข้ามชาติ ทั้งเล็กและใหญ่ จากหลายๆ ภูมิภาคของโลก เข้ามาลงทุนในไทยได้สำเร็จอย่างที่คาดหวังหรือไม่? อย่างไร?
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เชื่อว่า...คุณค่าความเป็นไทยที่ผูกโยงไว้กับ “อัตลักษณ์” ความเป็นไทย ในมิติ “ยุทธศาสตร์ซอฟท์เพาเวอร์” ที่รัฐบาลเตรียมการจะเดินเครื่องอย่างหนักแน่น! รวมถึงความพร้อมรองรับการลงทุนในทุกมิติจากต่างประเทศ
ก็น่าจะ สร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทยและภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ได้อย่างโดดเด่นและแตกต่างไปจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้
โอกาสของประเทศไทย กับสถานภาพความเป็นประเทศ “เนื้อหอม” ทางด้านการลงทุนจากต่างประเทศ มาถึงแล้ว หาก “รัฐบาลเศรษฐา” สามารถฉกฉวยโอกาสดีนี้เอาไว้ได้ ต่อให้ภาพลักษณ์ตัวเอง จะดูเถื่อนสถุนแค่ไหน? คนไทยบางส่วน? ก็พร้อมจะยอมรับมัน...
ทำให้ได้ก็แล้วกัน!