เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่ ทั้งเศรษฐกิจจีน และสหรัฐอเมริกา แถมยังมาเจอกับสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ย่ำแย่ ดัชนีหุ้นตกหนัก แถมเงินเฟ้อทั้งโลกยังสูง 3-4% แต่เงินเฟ้อของไทย 5 เดือนที่ผ่านมาต่ำมาก นับตั้งแต่เดือน พ.ค. 0.53% มิ.ย. 0.23% ก.ค.0.35% ส.ค. 0.88% ก.ย.0.30% ทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น แสดงถึงกำลังซื้อของคนไทยหดหาย
ดังนั้น รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จึงมีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ก่อนเศรษฐกิจไทยจะทรุดหนักไปกว่านี้ ด้วยโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับทุกคนที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป คนละ 1 หมื่นบาท เอาไว้ใช้จ่ายได้ในรัศมีที่รัฐบาลกำหนด
โดยคาดว่า อยู่ในรัศมีภายในอำเภอตามภูมิลำเนาของแต่ละคน
ถามว่า ถ้ารัฐบาลนายเศรษฐาใช้เงินประมาณ 5.5 แสนล้านบาท แค่เพียงครั้งเดียว เพื่อทำโครงการแจกเงินดิจิทัล จะทำให้ประเทศไทยล่มจมหรือไม่?
ตอบไม่ถึงขั้นล่มจมอย่างแน่นอน!
เพราะตลอด 9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีติดลบมาโดยตลอด ต้องกู้เงินมาโปะไม่รู้กี่รอบ แถมแจกเงินผ่านหลายโครงการ จนหนี้สาธารณะพุ่งกระฉูดขึ้นมา 9-10 ล้านล้านบาท
ขณะที่หนี้ครัวเรือนติดอยู่อันดับที่ 7 ของโลก ด้วยจำนวน 15.96 ล้านล้านบาท (ไตรมาส1/66) ประเทศไม่ได้ล่มจม แค่เพียงคนไทยจำนวนมากกำลังจมกองหนี้เท่านั้นเอง!
ขณะเดียวกัน ถ้าพรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาล ก็คงต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ (หรือว่าจะเบี้ยวก็ไม่รู้) ด้วยโครงการจ่ายสวัสดิการผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ต้องจ่ายคนละ 36,000 บาท/ปี ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุกว่า 12 ล้านคน เท่ากับต้องจ่ายปีละกว่า 4.32 แสนล้านบาท รวม 4 ปี ต้องใช้งบประมาณกว่า 1.72 ล้านล้านบาท แล้วพรรคก้าวไกลจะหาเงินมาจากไหนมาจ่ายโครงการที่ว่านี้ หรือว่าจะไปตัดงบประมาณกรม-กระทรวงต่างๆจนเหี้ยน!
แต่วันนี้นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยชื่อดังซึ่งล้วนเป็นขาประจำทั้งนั้น รวมทั้งคนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคนสภาพัฒน์ ออกมาส่งเสียงว่า ไม่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัล! เนื่องจากเศรษฐกิจปีหน้าจะดี ปัจจุบันกำลังซื้อในประเทศสูงอยู่แล้ว
แต่คนเหล่านี้ลืมไปหรือว่า หลายสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจของภาคเอกชน ต่างปรับลดเป้าหมาย “จีดีพี” ทั้งปี 66 จาก 3% กว่าๆ ลงมาเหลือแค่ 2.5-2.7% เท่านั้น เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโต “จีดีพี” ปี 66 จากเดิมเติบโตระหว่าง 2.7-3.7% เหลือแค่ 2.5-3% ทางด้านผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ยังคาดว่าจีดีพี ทั้งปี 66 อาจโตต่ำกว่าคาดที่ 3.6%
แบบนี้เศรษฐกิจปีหน้าจะดีได้อย่างไร กำลังซื้อของคนไทยยังสูงอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่มีโครงการใหญ่ๆ มาเติมเงินใส่กระเป๋าของประชาชน เพื่อช่วยกันจับจ่ายใช้สอย ปี 67 จะลำบากกันทั่วหน้า
เนื่องจากตอนนี้รัฐบาลนายเศรษฐาใช้แต่ “งบกลาง” จากรัฐบาลที่แล้วเหลือทิ้งไว้ ส่วนงบประมาณปี 67 ยังไม่เสร็จ ยังไม่ได้อภิปรายงบประมาณปี 67 ในสภาฯกันเลย ดังนั้นกว่างบประมาณปี 67 จะคลอดออกมา และเริ่มมีการจัดซื้อ-จัดจ้างเกี่ยวกับโครงการ หรืองานของภาครัฐ ก็ต้องล่วงเลยเข้าไปกลางปี 67 จนถึงวันนั้นทั้งประชาชน ภาคธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้ารายกลาง รายเล็ก คงจะงอมกันหมดแล้ว เพราะไตรมาสแรกปี 67 ไม่มีเม็ดเงินจากโครงการใหญ่ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจเลย
เอาล่ะปี 66 เหลืออีก 2 เดือน ยาวไปถึงเดือน ม.ค.67 เป็นช่วงไฮซีซั่น เป็นฤดูการท่องเที่ยว ผู้คนต้องจับจ่ายใช้สอย คงพอมีเงินหมุนเวียนมาประคับประคองในช่วงเดือน พ.ย.66 - ม.ค.67 ผ่านพ้นไปได้
หลังจากนั้นรัฐบาลนายเศรษฐาจึงพยายามเข็นโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ออกมาให้ทันวันที่ 1 ก.พ.67 เพื่อให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดินไปอย่างต่อเนื่อง ยาวถึงช่วงสงกรานต์
แต่ถ้าไม่แจกเงินดิจิทัลออกมา 5.5 แสนล้านบาท โครงการประกันราคา-รับจำนำข้าว ก็ไม่มี ประชาชนต่างจังหวัดและเศรษฐกิจรากหญ้าจะลำบากกันไปใหญ่
ส่วนคนที่ออกมาค้าน! การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนใหญ่เป็นพวกเสือนอนกินเป็นมนุษย์เงินเดือนเกิน 5 หมื่นบาท กันทั้งนั้น จึงไม่ได้ไปเดินตลาดสด ตลาดนัด ไม่ได้เห็นสภาพการทำมาหากินของคนต่างจังหวัด ณ เวลานี้ จึงไม่เดือดร้อนอะไร
โดยเฉพาะ 9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลประยุทธ์กู้มาใช้จ่าย-แจกมากมาย แต่ “จีดีพี” ของประเทศโตต่ำเตี้ยในอาเซียน เฉลี่ยแค่ปีละ 1.8% แถมหนี้สินรุงรังไปหมด ไม่เห็นออกมาห่วงชาติบ้านเมืองกันบ้างเลย!!
เสือออนไลน์