ช่วงบ่ายวันที่ 9 พ.ย.66 นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน และนายบุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ท้องที่ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพราะมีพยานหลักฐานอันเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเก็บของกลางจำพวกซากสุกรแช่แข็ง หรือหมูเถื่อน ในคดีพิเศษที่ 59/2566 กรณีการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผลการตรวจค้นภายในห้องเย็นของบริษัทแห่งนี้ พบเนื้อหมูและเครื่องในหมูที่อาจนำเข้าไม่ถูกต้องทั้งหมด 75 ตัน (75,000 กก.) ซึ่งเป็นของบริษัทนำเข้าย่านดอนเมือง ที่เคยถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ ได้นำชิ้นส่วนหมูมาเช่าพื้นที่เก็บในห้องเย็นดังกล่าวในราคา 80 สตางค์ต่อ 1 กก. จึงอายัดไว้ตรวจสอบว่าเป็นการนำเข้าอย่างถูกต้องหรือไม่
ปัจจุบันขบวนการขนหมูเถื่อนเข้ามาในประเทศไทย ใกล้จบเกม!
หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ลงมาจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ปปง. และดีเอสไอ ให้ปราบปรามปัญหาหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาจากยุโรป และบราซิล ให้เรียบร้อยราบคาบ ใครตรวจค้นจับกุมหมูเถื่อนในห้องเย็นไหน ต้องรายงานให้นายกฯทราบทันที อย่าปล่อยเวลาล่วงเลย เพราะไม่เช่นนั้นจะอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าดึงเวลาเพื่อเจรจาช่วยเหลือกัน
ปัญหาหมูเถื่อนนั้น มีที่มาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายเล็ก-รายใหญ่ เจอปัญหาโรคระบาดหมูตายเป็นจำนวนมากในช่วงปี 62-64 ส่งผลทำให้หมูในประเทศขาดแคลน ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มพุ่งขึ้นไปมากว่า กก.ละ 100 บาท ขณะที่ราคาหมูชำแหละ ทั้งเนื้อแดง-สามชั้น พุ่งสูงถึงกก.ละ 240-250 บาท
ตอนนั้นมีคนเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยนำเข้าหมูจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่ามาก (เพราะต้นทุนอาหารสัตว์ถูกกว่ามาก) เข้ามาแทรกแซงราคาเนื้อหมูในบ้านเรา เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค แต่ต้องนำเข้าแบบเปิดเผย มีกี่ราย ใครบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แต่รัฐบาลยุคนั้นไม่เอาด้วยกับข้อเสนอนี้
จนสุดท้ายมีหมูเถื่อนทะลักเข้ามาเพียบ! ในราคาถูกกว่าเนื้อหมูชำแหละบ้านเรา กก.ละ 60-80 บาท ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายเล็ก-รายกลางในประเทศไทย ต้องซวยซ้ำ ซวยซ้อน จากปัญหาหมูตายด้วยโรคระบาด กว่าจะเคลียร์ฟาร์มจนปลอดเชื้อโรค ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5-6 เดือน และหาทุนไปซื้อลูกหมูมาเลี้ยงใหม่ สุดท้ายมาเจอปัญหาหมูเถื่อนขายตัดราคามากมาย จนผู้เลี้ยงต้องขาดทุนกันตัวละ 2,000-3,000 บาท
ขบวนการที่เกี่ยวข้องกับหมูเถื่อน มีทั้งข้าราชการในบางกรม-กระทรวงที่เกษียณไปแล้ว และยังไม่เกษียณ รวมทั้งนักการเมืองแถบๆ จ.นครปฐม-อุทัยธานี และ “นักร้องเรียน” คนดัง! ที่ถนัดในการแบล็คเมล์ตบทรัพย์ข้าราชการที่มีแผล กับนายทุน-เจ้าของห้องเย็น
ปัญหาหมูเถื่อนมาดังมาก! ตอนมีการยึด-อายัดเนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ ในท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี แล้วปล่อยทิ้งกันไว้ หาคนผิดไม่ได้
เมื่อนายเศรษฐาเข้ามาเป็นนายกฯ จึงสั่ง ปปง. และดีเอสไอ เร่งสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง จนกระทั่งดีเอสไอได้ขอหมายจับ 5 ราย และจากการขยายผลทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ลักลอบนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนมากกว่า 2,300 ตู้ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท โดยจำแนกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มบริษัทขนส่งนำเข้า กลุ่มนายทุน และกลุ่มห้องเย็น
สำหรับหมูเถื่อน 2,300 ตู้ๆ ละ 25 ตัน ถ้าคิดเป็น กก. คือ หมูเถื่อน 57,500,000 กก. และถ้าคิดเป็นตัวจะอยู่ที่ประมาณ 700,000 ตัว โดยผู้ลักลอบนำเข้ามีชื่อชัดเจน 11 บริษัท แต่สำแดงว่าเป็นอาหารทะเล ทางดีเอสไอกำลังสอบสวนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วน ปปง. กำลังพิจารณายึดทรัพย์สินนายทุน คาดว่าภายในเดือน พ.ย.นี้ จะชัดเจนว่ามีใครบ้าง
ปัญหา “หมูเถื่อน” ที่ลักลอบนำเข้ามากันอย่างเพลิดเพลินใกล้จบเกมแล้ว เพราะเสี่ยงที่จะถูกจับ แถมถูกยึดทรัพย์สินด้วย หลังจากนายเศรษฐาใช้ “ทำเนียบรัฐบาล” เป็นศูนย์บัญชาการปราบปรามแบบคู่ขนาน ไปกับการปราบวัวเถื่อน-ควายเถื่อน-ตีนไก่เถื่อน!!
เสือออนไลน์