ปกติผมไม่เคยดูรายการที่ “ท่านผู้เฒ่า” ที่ชอบทำตัวเป็น “ศาสดาสื่อ” เล่าข่าวอะไรเลย เพราะเคยฟังกิตติศัพท์เรื่องที่แกและเครือข่ายทำเอาไว้กับประเทศแล้วบอกตามตรงว่ารับไม่ได้จริงๆ แถมเคยฟังเรื่องที่แกหยิบมาวิเคราะห์บางเรื่องบางประเด็น อย่างกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่แกวิเคราะห์ออกน้ำออกทะเล เชียร์ให้ประเคนกลุ่มทุนการเมืองสวาปามแล้ว บอกตามตรงว่า รับไม่ได้จริงๆ
แต่วันก่อนพรรคพวกส่งคลิปรายการล่าสุด ที่ท่านผู้เฒ่าเล่าเรื่องมาให้ดู กำชับบอกเฮียต้องดูให้ได้นะ ผมก็ถามอยู่ในใจทำไมต้องคะยั้นคะยอให้เราดูให้ได้ รู้ก็รู้อยู่แต่ละเรื่องที่แกวิเคราะห์วิจารณ์นั้นเป็นยังไง เหมือนผู้คนเขาซะที่ไหน
แต่หลังจากได้ดูเรื่องที่แกวิเคราะห์ล่าสุดเรื่องของ “สื่อเสี้ยม” ที่หยิบยกกรณี บ.ก.ข่าวต่างประเทศของ “ไทยพีบีเอส (ThaiPBS)” ที่ไปสัมภาษณ์ “นายโจเซฟ อู๋” หรือ “นายอู๋ เจาเซี่ย” รมต.ต่างประเทศไต้หวัน ในประเด็นทางการเมืองล้วนๆ โดย นำเนื้อหาบทสัมภาษณ์บางส่วนออกอากาศในช่วงข่าวภาคค่ำของสถานี ก่อนเอาบทสัมภาษณ์เต็มอัพโหลดลงในสื่อออนไลน์ ใน FB และยูทูป ในค่ำวันเดียวกัน
ก่อนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย “ควันออกหู” ถึงกับออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสื่อไทยต่อการเปิดเวทีสัมภาษณ์ รมต.ต่างประเทศไต้หวัน ที่มีแนวความคิดจะแบ่งแยกดินแดนไต้หวันออกจากดินแดนจีนหนึ่งเดียว ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะสั่งสอน (ตบกบาลแยก) ไทยพีบีเอส ที่ถือเป็นสื่อของรัฐใช้ภาษีประชาชนไปอีกฉาดใหญ่ถึงความไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่สื่ออิสระที่กลายมาเป็น “สื่อเสี้ยม-ชักศึกเข้าบ้าน” ในครั้งนี้
ดูแล้วก็อดชื่นชมท่านผู้เฒ่าในใจ เออแฮะ! เรื่องที่มีประโยชน์ต่อประเทศแบบนี้ แกก็ทำได้นี่!
ผลพวงจากการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของสื่อไทยพีบีเอสในครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า เป็น ”เรื่องอ่อนไหว เป็นเรื่องใหญ่” ที่คงจะต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะถ้อยแถลงของสถานทูตจีนในไทยที่แสดงความไม่พอใจและประณามสื่อไทย ต่อกรณีการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของ รมต.ต่างประเทศไต้หวัน ในครั้งนี้ค่อนข้างจะรุนแรง ถึงกับระบุว่า การนำเสนอเวทีที่เผยแพร่คำพูดเหลวไหลให้แก่คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน ซึ่งทำลายผลประโยชน์ของจีนและทำร้ายความรู้สึกของประชาชนชาวจีน ดังนั้นฝ่ายจีนจึงต้องแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำเช่นนี้อย่างรุนแรง
ผมไม่รู้ว่าป่านนี้รัฐบาลไทย และผู้บริหาร ไทยพีบีเอส ที่ “ถลำลึก” และหลวมตัวไปนำเสนอข่าวอ่อนไหวในเรื่องนี้ จะส่งหนังสือชี้แจงและขอโทษกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไรแล้ว แค่การระงับและถอดบทสัมภาษณ์ออกจากสื่อออนไลน์ ถอดบทสัมภาษณ์ออกจากช่องยูทูปอย่างเดียว คงไม่ทำให้ความรู้สึกที่จีนมีต่อเรื่องนี้คลี่คลายลงไปได้แน่
อย่างที่ทุกฝ่ายรู้กันดี “ไทยพีบีเอส” นั้น แม้จะอ้างว่าเป็นสื่ออิสระ มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะ แต่ยังไงก็ถือเป็นสื่อของรัฐ เพราะอาศัยงบประมาณภาษีที่มาจากเงินกองทุนภาษีบาป เหล้า-เบียร์ ปีละ 2,000 ล้านบาท เพราะงั้นการทำงานของสื่อนี้จำเป็นต้องสำเหนียกให้ดีว่า สิ่งที่นำเสนอออกไปนั้นจะต้องคำนึงถึงหน้าตาของรัฐบาลหน้าตาของประเทศด้วย
บทเรียนของรัฐบาลออสซี่ ก่อนหน้าที่ไปแหย่จีนกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน จนนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้า และสุดท้ายรัฐบาลจีนยุติการทำการค้า การนำเข้าสินค้าแร่เหล็ก เนื้อ ปศุสัตว์ ทั้งหลายจนทำเอาเศรษฐกิจออสเตรเลียแทบล้มทั้งยืนจนต้องกลับไปของอนง้อจีนในท้ายที่สุดวันนี้ ได้พิสูจน์อะไรออกมาให้เห็นแล้ว
เกิดจีนงอนไทย เพราะประเด็นอ่อนไหวจากสื่อของรัฐไทยพีบีเอสในครั้งนี้ จนถึงขั้น “บอยคอต” สั่งนักท่องเที่ยวจีนไม่ให้เดินทางมาไทยขึ้นมา ก็มีหวังได้งานเข้าท่องเที่ยวไทยได้ “ล้มทั้งยืน” กันทั้งประเทศกันพอดี เพราะงั้นเรื่องอ่อนไหวที่พลาดไปแล้วข้างต้นนั้น จะต้องไม่ปล่อยให้กลายเป็นหนามยอกอกได้อีก
หากแต่จะต้องมีคนรับผิดชอบ หรือแสดงความรับผิดชอบออกมาจากการชักศึกเข้าบ้านหนนี้
แก่งหิน เพิง
.......
หมายเหตุ: ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากรายการสนธิ ทอล์ค