กำลังเป็นประเด็นสุดฮอต เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
กับเรื่องที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้จัดบรรยายสาธารณะในหัวข้อ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน”
โดยระบุว่า 10 ปีที่แล้ว หากเทียบจีดีพี (GDP) กับประเทศเพื่อนบ้านจะเห็นว่า จีดีพีประเทศไทยถดถอยลง ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ถามว่า ประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ แต่จีดีพีก็ยังคงเติบโตในช่วงวิกฤติโควิด ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่ปรากฏในกราฟสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยแข่งขันกับโลกไม่ได้มากกว่า
คำถามคือ ทำไมจีดีพีขึ้นช้า ตนมองว่า วันนี้เราไม่มีขีดความสามารถมากเพียงพอในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติ ขณะเดียวกันยังต้องแก้ไขปัญหาใหญ่ คือ ประชาชนไม่มีงานทำ เวลาตนเดินทางไปต่างจังหวัดจะเห็นว่า คนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่มีงานที่มั่นคงทำ อย่างงานรับจ้างทางการเกษตรและรับจ้างก่อสร้าง เมื่อคนไม่มีงานที่มั่นคงทำ ซึ่งโจทย์หลักตอนนี้อยู่ที่ขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศ และการสร้างงานให้ประชาชนมีงานที่มั่นคง
นายธนาธร กล่าวต่อว่า หากตนมีงบ 5 แสนล้าน ตนอยากพัฒนาประเทศในด้านการคมนาคม สาธารณสุข น้ำประปา การศึกษา และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็นความฝันที่ทะเยอทะยาน ในการที่จะพัฒนาให้เหมือนอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว กับการสร้างอาชีพให้ประชาชน ให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ พร้อมกับเสนอโมเดลการพัฒนาทั้ง 5 ด้านข้างต้น ที่จะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นราว 456,000 ล้านบาท
แยกเป็นการลงทุนด้านคมนาคมในการพัฒนารถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัดใช้งบประมาณ 88,000 ล้านบาท ด้านสาธารณสุข ที่จะสร้างระบบแพทย์ทางไกล Telemedicine ทั่วประเทศใช้งบประมาณ 60,000 ล้านบาท การพัฒนาน้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ ใช้งบราว 67,000 ล้านบาท ด้านสิ่งแวดล้อมด้านการจัดการขยะอย่างถูกสุขลักษณะทั่วประเทศที่จะมีการลงทุนด้านเครื่องมือกำจัดขยะมูลฝอยอย่างถูกสุขลักษณะทั่วประเทศโดยองค์กรปกครองท้องถิ่นต่างๆ ภายใต้วงเงิน 120,000 ล้านบาท และด้านการศึกษา ในการลงทุนเพิ่มศักยภาพโรงเรียน พัฒนาเด็กเยาวชนรองรับเทคโนโลยีและการทำงานของโลกใหม่จำนวน 121,000 ล้านบาท
ก่อนที่นายธนาธรจะนำเสนอรายละเอียดการลงทุนพัฒนาในแต่ละด้าน อาทิ ด้านคมนาคม ซึ่งตนจะเน้นการลงทุนด้านปรับลดการใช้พลังงาน การนำรถยนต์ไฟฟ้า และขนส่งสาธารณะมาใช้ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า EV จุดจอดและป้ายรถเมล์ เป็นต้น
ส่วนด้านประปา มีแผนจะนำงบประมาณไปพัฒนาระบบประปาหมู่บ้าน ชุมชนให้ประชาชนได้รับน้ำสะอาดอย่างทั่วถึง เป็นประปาดื่มได้ โดยคาดจะใช้งบราว 66,755 ล้านบาท และจะใช้งบอีกก้อนราว 120,000 ล้าน ในการจัดการกับปัญหาขยะอย่างถูกสุขลักษณะ สร้างบ่อขยะในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งเสริมองค์กรปกครองท้องถิ่นต่างๆ ให้เข้ามาจัดการกับปัญหาขยะล้นเมืองอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม กล้าที่จะลงทุนก่อสร้างโรงเผาขยะในพื้นที่ต่าง ๆ แม้จะเผชิญกับแรงต่อต้าน แต่เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ
สแกนสิ่งที่นายธนาธรนำเสนอให้ FC รับฟังข้างต้นนั้น ก็ต้องบอกว่า คงรอให้ “รัฐบาลก้าวไกล” เข้ามาเมื่อไหร่ ท่านนายกฯ เงา เอ้ย! ประธานก้าวไกล ก็นำเสนอ “โมเดล” การลงทุนเหล่านี้ได้ทันที จะแถมนโยบาย “สุราชุมชนเสรี” ไปด้วยอีกเรื่องก็ย่อมได้ จะได้สร้างงาน สร้างอาชีพ ผลิตเหล้า เบียร์ชุมชน ออกมาให้กระหึ่มเมือง รองรับนักท่องเที่ยว รองรับการท่องเที่ยว และรองรับนโยบายเปิดผับไปยันตี 4 ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการศึกษาอยู่ไง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ไอเดีย “สุดบรรเจิด” ของท่านประธานก้าวไกลข้างต้น ก็หาได้ “ตอบโจทย์” การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญอยู่ไม่!
ท่านประธานธนาธร ก็บอกเอง อารัมภบทเองไม่ใช่หรือว่า ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข คือ ประชาชนไม่มีงานทำ ประชาชนคนไทยในต่างจังหวัดยังไม่มีงานที่มั่นคงทำ ต้องยังชีพอยู่กับการรับจ้างทำการเกษตรเป็นการชั่วคราวไป นั่นก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยนโยบายดิจิทัล วอลเลตนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด!!!
ส่วนการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศนั้น สำหรับรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว ไม่เคยมองข้ามและน่าจะกล่าวได้ว่า ให้ความสำคัญมาแต่อ้อนแต่ออก..
ดังจะเห็นได้จากในอดีตนั้นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เคยนำเสนอ พ.ร.ก.2 ล้านล้าน เพื่อการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ที่มีโครงการรถไฟความเร็วสูงและพัฒนาการขนส่งทางราง ที่ถูกสัพยอกว่าจะเอาไปขนผักปลา ไปขายจีนนั่นแหล่ะ
แต่กลับเป็นที่น่าเสียดายว่า นโยบายดังกล่าวต้องถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำแท้งไป จนทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จนล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างปัจจุบัน ดังที่ท่านประธานก้าวไกลสะท้อนออกมานั่นแหล่ะ
แต่สิ่งเหล่านี้สามารถจะบรรจุเอาไว้ในการจัดทำงบประมาณลงทุนปกติได้อยู่แล้ว และเป็นเรื่องทีดำเนินการได้ตามปกติอยู่แล้ว เป็นคนละส่วนคนละเรื่องกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสนล้าน ผ่านสิทธิ์ดิจิทัล วอลเลต ที่ว่านี้
ระหว่างรอว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวรัฐบาลพรรคก้าวไกลเสียทีนั้น ท่านประธานก็เอาเวลาไปปัดกวาดขยะใต้พรมในพรรคให้มันสะเด็ดน้ำเสียก่อนเถอะ ทำยังไงถึงจะไม่ปล่อยให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนกระเซ็นออกมานอกพรรคได้ แต่ละเรื่องนั้นทำเอาสังคมฮือฮาไม่ขาดสายเสียด้วยซิ