วันที่ 11 ธ.ค.นี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง จะทำงานครบ 3 เดือนในตำแหน่งนายกฯ
กล่าวได้ว่า เป็นช่วงเวลา 3 เดือน ที่นายเศรษฐาเดินทางไปเยือนหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ซาอุดีอารเบีย กัมพูชา ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และวันที่ 16-18 ธ.ค. 66 จะไปประชุมอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย
คือไปต่างประเทศในฐานะนายกฯ เพื่อแนะนำตัว กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่อีกบทบาทหนึ่งที่นายเศรษฐามีความถนัดเป็นพิเศษ คือ การสวมวิญญาณ “เซลล์แมน” คุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ เพื่อจีบเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุน ให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ และสร้างโอกาสให้กับคนไทย
ไม่ต้องอะไรมาก แค่ไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่นครซานฟานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นายเศรษฐายังเจียดเวลาจากการประชุมกับผู้นำเขตเศรษฐกิจ มาพบปะหารือกับผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ถึง 15 บริษัท
เห็นได้ชัดเจนจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย ให้การต้อนรับ นายรอเบิร์ต เอฟ โกเด็ก (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมหารือถึงประเด็นความร่วมมือด้านการลงทุนร่วมกัน
ทั้งนี้ ทูตสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของการเยือนสหรัฐฯ ของนายเศรษฐา ในการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ผ่านมา หลังจากนายกฯ ได้ใช้โอกาสพบหารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ พร้อมเชิญชวนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กว่า 10 บริษัท
โดยภาคเอกชนต่างให้ความสนใจและสนับสนุนนโยบายด้านการค้าและการลงทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีและดิจิทัล นวัตกรรม และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเดินทางร่วมการประชุมสุดยอด ASEAN – GCC Summit ณ ประเทศซาอุฯ ระหว่างวันที่ 20-21 ต.ค.ที่ผ่านมา ของนายเศรษฐาเป็นโอกาสให้นายกฯ ได้หารือเพื่อโอกาสเพิ่มความร่วมมือระหว่างไทย-ซาอุฯ รวมถึง Saudi Agricultural and Livestock Investment Company (SALIC) เอกชนซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับด้านการเกษตรและปศุสัตว์ชั้นนำของโลก และทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะมีความร่วมมือกันเพื่อการค้าทางด้านปศุสัตว์ที่เป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้มอบหมายให้ นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมประชุมกับ นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต นางนวลละออง ศรีชุมพล นายกสมาคมผู้ส่งออกและนำเข้าปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ไทย และ นายอภิชาติ ประเสริฐสุด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์
โดยเข้าพบหารือกับ Eng. Sulaiman AlRumaih – Group CEO บริษัท SALIC และคณะผู้บริหารของบริษัท SALIC พร้อมด้วย นาย Norberto Giangrande ประธานบริษัท MINERVA และ นาย Fernando Queiroz – CEO บริษัท MINERVA ณ บริษัท SALIC
จากการพบหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะสนับสนุนความร่วมมือในการลงทุนด้านปศุสัตว์ ระหว่างไทยและซาอุฯ รวมทั้งความร่วมมือในด้านการเกษตรต่างๆ อาทิ ข้าว และปุ๋ย โดยฝ่ายไทยได้นำเสนอข้อมูลและศักยภาพด้านการผลิตและการลงทุนอุตสาหกรรมโคเนื้อของไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย โดยบริษัท SALIC และ MINERVA แสดงความพร้อมที่จะเดินทางเยือนไทยเพื่อสำรวจลู่ทางการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมโคเนื้อไทยในช่วงเดือนม.ค.67
เป็นนายกฯ ยังไม่ถึง 3 เดือน แต่นายเศรษฐาพยายามดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาวะ “กบต้ม” อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) รวม 3 ไตรมาสของปี 66 ยังอยู่แค่ 1.9% ขณะที่ฟิลิปปินส์ขยายตัว 5.5% เวียดนาม 4.2% อินโดนีเซีย 5.0% มาเลเซีย 3.9%
ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยพุ่งสูง โดยไตรมาส 2 ปีนี้ มีหนี้ครัวเรือนกว่า 16 ล้านล้านบาท ไหนจะปัญหางบประมาณปี 67 ล่าช้ามาก! โดยร่างงบประมาณปี 67 จะอภิปรายในสภาฯ ในวาระแรกช่วงวันที่ 3 ม.ค. 67 ดังนั้น กว่าจะมีเม็ดเงินออกมาจับจ่ายใช้สอย มาใช้จัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ก็คงล่วงเลยไปถึงเดือน เม.ย. - พ.ค. 67
ในช่วงที่ยังรองบประมาณปี 67 อีกหลายเดือน ก็มีโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ราวๆ 5.4 แสนล้านบาท ที่ยังพอจะช่วยกระตุ้นกำลังการซื้อภายในประเทศได้บ้าง เนื่องจากถ้ารัฐบาลอยู่เฉยๆ รอใช้งบประมาณปกติอย่างเดียว โดยไม่มีโครงการอะไรมาปลุกกำลังซื้อ ปัญหาเศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะน่าห่วงมากกว่าปีนี้เสียอีก
ดร.ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ระบุว่า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า จีดีพีของไทยในปี 67 จะขยายตัวประมาณ 3% ยังไม่รวมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งหากรวมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เข้าไปด้วย คาดว่าจีดีพีไทยจะขยายตัวอีก 1% ไปสู่ระดับ 4%
ถ้ารัฐบาลนายเศรษฐาใส่เงินลงไปประมาณ 5.4 แสนล้านบาท ผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แล้วจีดีพีขยับขึ้นมา 1% เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีประมาณ 18-19 ล้านล้านบาท มันเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยใช่หรือไม่? สภาพัฒน์-ธนาคารแห่งประเทศไทย!
เสือออนไลน์