วันก่อนสไลด์ดูคลิปไปเพลินๆ ก็บังเอิญไปเห็นคลิปจิบชากาแฟดำ - สุทธิชัย หยุ่น กับคุณพี่วีระ ที่ออกมาสัพยอกนายกฯเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลชุดนี้ ที่ผู้คนเชียร์กันนักเชียร์กันหนา ได้นายกเศรษฐา...(เรา)จะเป็นเศรษฐี (แต่ตอนนี้เป็นยาจกกันไปก่อนนะ)
สองผู้เฒ่า (อ้าว! ก็แก่ง หินเพิงเพิ่งจะบรรลุนิติภาวุฒิ) ร่วมกันสัพยอกเรื่องที่นายกฯ เศรษฐา และรัฐบาล จัดทริปออกไปโร้ดโชว์เชื้อเชิญนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย หอบเอาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ “แลนด์บริดจ์” ไปขายฝันกันใหญ่โต จะลงทุนกันเป็น 5 แสนล้าน หรือ 1 ล้านล้าน จะให้สัมปทานกันที 50 หรือ 100 ปี กันไปโน้น
ขณะที่เศรษฐกิจภายในนั้น รัฐบาลและนายกฯ กลับบอกว่า กำลังเผชิญวิกฤติอยู่นะ การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายส่อจะติดลบ เศรษฐกิจขยายตัวแค่ 1.7 - 1.8% จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ งัดนโยบายยาแรงแจกเงินคนละ 10,000 บาท ผ่านโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ออกมาโดยไว ไม่งั้นเศรษฐกิจไทยกู่ไม่กลับ
นายกฯ และรัฐบาลส่งสัญญาณกันแบบนี้ นักลงทุนต่างประเทศเขาจะคิดยังไง จะไปเชิญชวนเขามาลงทุนในประเทศที่รัฐบาลเองกำลังบอกว่า เศรษฐกิจในประเทศกำลังย่ำแย่ ประสบวิกฤตอยู่ เศรษฐกิจขยายตัวต่ำติดดินแบบนี้ นักลงทุนหน้าไหนจะกล้าเข้ามาลงทุน
“แก่ง หินเพิง” เอง เคยคุยกับนักลงทุนระดับบิ๊กของประเทศท่านหนึ่ง เกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าในบ้านเรา ที่เริ่มต้นกันมาหลังปี 2540 หรือเมื่อ 20 กว่าปีก่อนนั้น เชื่อหรือไม่ว่า ตอนนั้นเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีนเอง ที่มีโครงการจะลงทุนทำโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแบบบ้านเรา ยังต้องส่งผู้เชี่ยวชาญบินมาดูโครงการรถไฟฟ้าในบ้านเรา
คล้อยหลัง 20 ปี โครงข่ายรถไฟฟ้าบ้านเราวันนี้ยังยักแย่ยักยันไม่ถึงไหน แค่ 10 สายในแผนแม่บทรถไฟฟ้าผ่านมากว่า 20 ปี ยังไปได้ไม่ถึงครึ่งเลยมั๊ง ขณะที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ที่เริ่มต้นก่อสร้างรถไฟฟ้ามาพร้อมๆ กับเรานั้น วันนี้ มีโครงข่ายรถไฟฟ้ากว่า 20 สายเข้าไปแล้ว
สอดคล้องกับที่ “เนตรทิพย์ออนไลน์” รายงานไปวันวาน ในขณะที่รัฐบาลขยันเดินสายโร้ดโชว์เชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามา หอบเอาโครงการแลนด์บริดจ์ไปขายฝันกันเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งที่ยังอยู่ในแผ่นกระดาษเป็นแค่รายงานการศึกษาเบื้องต้น
แต่กับโครงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ที่เป็น “แลนด์มาร์ค” เป็นแม่เหล็กการลงทุนหลักของประเทศที่รัฐบาลชุดก่อนฝากฝังให้รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ได้สานต่อ เพราะต่างประเทศรู้จักกันดีอยู่แล้ว รัฐบาลชุดนี้กลับมองข้าม ตั้งแท่นลอยแพไปซะงั้น แม้ตัวนายกฯ จะยืนยันนั่งยันว่า ไม่ได้ทอดทิ้ง ไม่ได้ละเลยและตัวนายกฯ ยังนำทีม นำรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมดูงานดูโครงการลงทุนในเขตอีอีซีกันอยู่เลยเดือนก่อน
แต่ความชัดเจนในการดำเนินนโยบาย การติดตามโครงการลงทุนต่างๆ มีความคืบหน้าไปถึงไหน อย่างไร ติดขัดปัญหาและอุปสรรคใด เหตุใดโครงการลงทุนหลัก ๆ ที่เป็นแม่เหล็กหรือปัจจัยหลักของการลงทุนในเขตอีอีซี มันถึงยังไม่คืบหน้าออกมาเป็นรูปธรรมต่างหาก คือ สิ่งที่นักลงทุนน้อยใหญ่ทั้งไทย-เทศ กำลังเฝ้าจับตาดูกันอยู่
ไม่ต้องดูอื่นไกล โฟกัสมาที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงินลงทุนกว่า 2.24 แสนล้านบาทนั่น แค่โครงการเดียว 4-5 ปีผ่านไปแล้ว ยังไม่ได้เปิดหวูดก่อสร้างไปแม้กิโลเมตรเดียว ทั้งที่กลุ่มบริษัทเอกชนผู้รับสัมปทาน คือ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี. นั้นก็ใช่จะขี้ ๆ
เพราะนี่คือกลุ่มทุนธุรกิจ “เบอร์ 1” ของประเทศแล้ว ท่านนายกฯ !
ขณะที่พันธมิตรผู้ร่วมลงทุนในโครงการที่เคยเปิดตัวกันใหญ่โต เมื่อวันที่เซ็นสัญญาโครงการนี้ (24 ต.ค. 2562) ซึ่งนอกจากบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง แล้ว ยังมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ ITD , China Railway Construction Corporation Limited จากจีน, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) CK , บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM , Japan Oversea Infrasus Corporation for Transport and urban Development จากญี่ปุ่น } CITIC Group Corporation จากจีน China Resort holding Company จากจีน} ซีเมนต์จากเยอรมันนี , ฮุนไดจากเกาหลี และ Ferrovie dello stato Yellow Italiane จากอิตาลี เอาเป็นว่า พันธมิตรที่แสดงความสนใจจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินของประเทศไทยที่ไล่เลียงกันมาข้างต้นนี้ก็แทบจะหมดโลกแล้วกระมัง
แล้วเหตุใดจนถึงวันนี้โครงการนี้ถึงยังไม่ขยับท่าน “นายกฯ เศรษฐา” ไม่คิดจะกระซิบถาม “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมต.คมนาคม ที่ติดสอยห้อยตามจนจะเป็นไอ้ห้อยไอ้โหนบ้างเลยหรือ? ไม่คิดจะสอบถามผู้ว่าการรถไฟฯ (รฟท.) และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) บ้างเลยหรือ มันติดขัด อะไรตรงไหน ทำไมจนป่านนี้โครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินนี้ถึงยังไม่ขยับ จะจัดทำแผนเชื่อมโยงกัน 3 โลกหรือยังไงถึงไม่เสร็จเสียที!
เพราะผลพวงจากการที่โครงการหลักไฮสปีดเทรนฯ ไม่ขยับ ก็ทำเอาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก มูลค่าเกือบ 3 แสนล้าน และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน โครงการสมาร์ทซิตี้ โครงการลงทุนอื่น ๆ อีกนับร้อยหรือนับพันโครงการต้องพลอยชะงักงันไปด้วย
จะไปเชื้อเชิญนักลงทุนต่างประเทศหน้าไหนเข้ามาลงทุนได้ ในเมื่อโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure หลักของการลงทุนไม่เกิดแล้ว โครงการลงทุนอื่น ๆ จะเกิดได้อย่างไร
วันดีคืนดี กระทรวงคมนาคมของนายสุริยะ ยังไปปัดฝุ่นโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งใต้ กับขยายศักยภาพสนามบินดอนเมือง เฟส 3 อีกไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนล้าน กลับมาดำเนินการด้วยอีก แม้จะอ้างว่าเป็นไปตามแผนแม่บทที่มีอยู่แล้ว แต่ท่านนายกฯ ลองสอบถามให้ชัดก่อนไหม ว่า ฉบับไหนกันแน่ (เพราะก่อนหน้ากระทรวงคมนาคมก็เคยปัดฝุ่นนลุยไฟ โครงการขยายอาคารผู้โดยสาร หรือ “เทอร์มิทัล(ตัดแปะ)” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนทำเอาวุ่นมาทีนั้น ก็ไม่เคยมีอยู่ในแผนแม่บทมาก่อนไม่ใช่หรือ)
เพราะทุกโครงการที่กล่าวมานั้น มันเกี่ยวพันกันอยู่ หากรัฐบาลและคมนาคมตัดสินใจลุยไฟโครงการตนเองแบบนี้ และหันไปปัดฝุ่นปลุกผีโครงการแลนด์บริดจ์ภาคใต้ไปด้วยอีก แบบนี้ บรรดาโครงการลงทุนโครงข่ายเชื่อมโยงการเดินทางอย่างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือเมืองการบินตะวันออก ก็จะถูก “ด้อยค่า” ลงไปทันที เพราะคงไม่มีนักลงทุนไหนกล้าลุยไฟลงทุนต่อไปได้แน่
เพราะฉะนั้น ก่อนจะไปตีฆ้องร้องป่าวเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศให้ฝันเคลิ้มอะไรนั้น ท่านนายกฯ เศรษฐา (เราจะได้เป็นเศรษฐี) ได้หวนกลับมาโฟกัสโครงการลงทุนที่อยู่เบื้องหน้า ตรงหน้าท่าทนให้เคลียร์คัต ชัดเจนให้ได้ก่อนจะดีไหม เอาให้ชัด ตกลงรัฐบาลจะลุยไฟขยายศักยภาพสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองให้รองรับผู้โดยสารไปถึง 120-130 ล้านคนไปเลยนะ รองรับผู้โดยสารกันไปอีก 50 หรือ 100 ปี แบบนี้ โครงการลงทุนในเขตอีอีซีที่ไปหลอกนักลงทุนเอาไว้ก่อนหน้าก็เป็นอันจบข่าวเลย
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นแล้ว ท่านนายกฯ ก็อย่าไปคาดหวังว่า จะไปเชื้อเชิญไปหลอกนักลงทุนต่างประเทศหน้าไหนให้เข้ามาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ไทยได้อีกเลย เพราะไอ้ที่มีอยู่กองอยู่เต็มหน้ายังไม่โอบอุ้มเลย แบบนี้ใครเข้าจะเชื่อว่ารัฐบาลมีความจริงใจ
จริง ไม่จริง ท่านนายกฯ เศรษฐา (เรายังฝันจะเป็นเศรษฐี)!!!
แก่งหิน เพิง