โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ได้ผู้สัมปทานไปแล้ว แต่ยักแย่ยักยันกันมา 4-5 ปี การก่อสร้างยังไม่ได้คืบหน้าไปไหน จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าช้ามากจะกระทบต่อโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา จ.ระยอง ด้วย!
โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีระยะทางทั้งสิ้น 220 กิโลเมตร โดยมีสถานีจอดรถถึง 9 สถานี นี่จึงเป็นคำถามตามมาตั้งแต่แรกว่า สถานีมากขนาดนี้แล้วจะเป็นรถไฟความเร็วสูงได้หรือ?
ระยะทางแค่ 220 กิโลเมตร ประกอบด้วย 9 สถานี แล้วใช้รถไฟความเร็วสูง ถือเป็นการใช้ระบบที่แพงเกินความจำเป็นหรือไม่?
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับการก่อสร้างยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ปัญหาทางการเมือง ปัญหาโควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นมาก
ล่าสุด “เสือออนไลน์” ได้ฟังจากปากของผู้ใหญ่ในรัฐบาลว่า งานนี้ผู้ได้สัมปทานน่าจะแบกโครงการดังกล่าวต่อไปไม่ไหวแล้ว ด้วยปัญหาอะไรเป็นสาเหตุหลักก็คงทราบกันอยู่ แต่ที่ยังยื้อกันอยู่ก็เพื่อต้องการขอร้องจากรัฐบาล ให้จากลากันด้วยดี ขออย่าได้มีการขึ้น “แบล็คลิสต์” กันเลย!
ขณะที่การประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (มีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) คาราคาซังกันมา 4-5 ปี มีการฟ้องร้องกันนัวเนียไปมา 3 เส้า ระหว่าง 2 ผู้รับเหมาใหญ่ และ รฟม.
จนไม่รู้ว่าปีไหนจะได้ประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ไม่รู้ว่าปีไหนประชาชนจะได้ใช้บริการ เพื่อเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้า ค่าโดยสาร 20-25 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
โดยการฟ้องร้องกันไปมา เป็นบาดแผลที่ร้าวลึก ไม่มีวี่แววว่าจะจบกันโดยวิธีไหน
แต่ล่าสุด คนใหญ่คนโตในรัฐบาล กระซิบกับ “เสือออนไลน์” ว่า ปัญหาย่อมมีทางแก้เสมอ ประเดี๋ยวก็แก้ได้ เพราะแต่ละคน แก่ๆ กันทั้งนั้น ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่สุกงอม!
ถ้าใกล้สุกงอมเมื่อไหร่ จะมี “คนกลาง” เข้ามาไกล่เกลี่ยให้ถอยกันคนละก้าว เพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเดินหน้าเสียที โดยคนกลางที่ว่านี้ ถ้าไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ก็ต้องเป็นคนมีบารมีที่ทั้งสองฝ่ายให้ความย่ำเกรง ลงมาช่วยเคลียร์ให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มรุดหน้าในเร็วๆ นี้
เสือออนไลน์