นอกจากประเด็นในเรื่องแหล่งเงิน 5 แสนล้าน ในโครงการ Digital Wallet ที่แม้รัฐจะผ่าทางตัน จัดหาแหล่งเงินได้แล้ว
โดยขยายเพดานกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 จำนวน 1.5 แสนล้าน โยกงบปี 67 1.7 แสนล้าน และยืมเงินจาก ธกส. อีก 1.75 แสนล้าน จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็น DNA เดียวกับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในอดีต
ขณะที่เงื่อนไขการจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านแอพใหม่ “Super App” หรือจะชื่ออะไรก็เหอะ ก็ถูกโจมตี ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก ทำไมไม่โอนเข้าแอพเป๋าตังที่มีอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาเงินบาทดีๆ ไปแลกเงิน "คริปโต" หรือเงิน Token ใหม่ให้มันยุ่งยาก
หวังผลจะหาเศษหาเลยจาก ค่า Fee จากค่าธรรมเนียมแลกเงินคริปโตหรือไม่ (มีการเคาะตัวเลขค่า Fee จากการผุดแอพใหม่ แลกเงินไป-กลับ 5 แสนล้าน ก็ตั้ง 2-3 หมื่นล้าน) ไปโน้น
เช่นเดียวกับเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินในโครงการ ที่กำหนดเอาไว้เสียยุบยั่บ ห้ามเบิกเงินสดไปจ่ายหนี้ จ่ายค่าเทอม จ่ายค่าน้ำไฟ ประปา โทรศัพท์ เบิกเงินสดไม่ได้ ร้านรวง พ่อค้าแม่ค้าในตลาดที่เข้าร่วมโครงการหากไม่ได้อยู่ในระบบภาษีก็เบิกเงินสดไม่ได้อีก
เลยถูกโยงไปว่า เป็นนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนเจ้าสัวหรือไม่ เพราะบรรดาร้านสะดวกซื้อ 7-11 โมเดิร์นเทรดต่างๆ ทั้งโลตัส ทอปส์ หรือแม้แต่ CJ ของน้าแอ๊ดก็ได้อานิสงส์ไปด้วยเต็มๆ
เรื่องที่มาของแหล่งเงิน คงปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง รวมทั้งคณะทำงานไปว่ากันเอง เพราะคงต้องรับมือกับแขกขาประจำที่คงหาทางเตะสกัดขากันเป็นกุรุด
แต่เรื่องของเงื่อนไขการจ่ายเงินในโครงการนี้ที่ ทำไมต้องผุดแอพใหม่ “ทางรัฐ” ขึ้นมาใหม่ ทำไมไม่เอาเงินสดโอนเข้าบัญชีแอพ “เป๋าตัง” ที่มีอยู่แล้ว กับเรื่องของเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน ที่กำหนดเงื่อนไขเอาไว้ซะให้ยุบยั่บนั้น
ตรงนี้ ทุกฝ่ายควรตระหนักกลุ่มคนที่จุดพลุเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตีนั้น มีเป้าหมายแอบแฝง หรือมี "วาระซ่อนเร้น" อะไรหรือไม่?
"แอพเป๋าตัง" ที่มีอยู่แล้วเป็นของใคร ?
แม้เป็นแอพของแบงก์รัฐกรุงไทยก็จริง แต่พวกเรารู้หรือไม่ว่า ล่าสุดนี้แบงก์กรุงไทย เพิ่งประกาศจับมือ AIS-Gulf และ OR เตรียมยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank และทำท่าจะนอนมาเสียด้วย
ด้วยฐานธุรกิจและการเงินที่แกร่งสุดใน 3 โลก ทั้งกรุงไทยเองที่มีฐานลูกค้าจากแอพเป๋าตัง 40 ล้านราย AIS 45 ล้านราย OR ที่มีสถานีบริการน้ำมัน 2,200 แห่ง และคาเฟ่อะเมซอนอีกกว่า 4,000 สาขา
หากได้ฐานลูกค้าจากโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" 50 ล้าน พร้อมเม็ดเงินอีกตั้ง 5 แสนล้านไปด้วยอีก (ตามที่พวกกูรูหรือกูไม่รู้อะไรเลยเสนอ) ก็ลองนึกสภาพกันดูเอาว่า โครงการ Digital wallet นี้ จะเรียกแขกให้งานเข้าไหม? โครงการจะได้เกิดหรือ?
จะไม่ถูกถลกหนังหัวว่า ประเคนเม็ดเงิน 5 แสนล้านให้กลุ่มทุนพลังงานและสื่อสารหนักข้อยิ่งกว่าเดิมหรือ? จะไม่ถูกขาประจำเรียงหน้าร้องไปทั่วสิบทิศหรือ?
สื่อยิ่งจะเอาไปพาดหัวเนื้อแท้โครงการนี้ ประเคนผลประโยชน์ 5 แสนล้าน ให้...หนักเข้าไปอีกหรือ?
แค่ประเด็นเรื่อง "แอพเป๋าตัง" ประเด็นเดียว ก็แทบจะลบล้างสิ่งที่คนบางกลุ่มมีความพยายามถล่มโครงการนี้ไปจนหมดสิ้นแล้ว จนอดคิดไม่ได้ว่า นักวิชาการ หรือ กู(ไม่รู้) เหล่านี้ ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางจริงๆ หรือรู้อยู่เต็มอก แต่ต้องการวางยา เพื่อเรียกแขกให้งานเข้า ดึงขาประจำเตรียมจัดหนักโครงการนี้กันแน่
ส่วนเงื่อนไขการจับจ่ายใช้สอยของโครงการที่กำหนดเอาไว้ซะหลุดโลก ห้ามเบิกเงินสดไปใช้ ห้ามเอาเงินไปจ่ายหนี้ จ่ายค่าเทอม น้ำไฟ ซื้อเหล้าเบียร์ก็ไม่ได้ ให้เอาไปรูดจับจ่ายยังร้านค้าในชุมชน ร้างรวงในตลาด ธงฟ้าอะไรก็ว่าไปได้เท่านั้น (รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ และโมเดิร์นเทรดต่างๆ)
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่สามารถจะเบิกเงินสดที่ได้รับมาทันที ยกเว้นเป็นร้านรวงในระบบภาษีที่ตีทะเบียนเป็นร้านในระบบภาษีเท่านั้น จนถูกถล่มว่าเอื้อเจ้าสัวเอื้อมกลุ่มทุนรายใหญ่เข้าไปอีก
แต่เราเองต้องยอมรับด้วยว่า ร้านสะดวกซื้อที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอย่างร้าน 7-11 ที่มีอยู่กว่า 25,000 แห่งในเวลานี้ มีส่วนทั้งที่ CP All เป็นเจ้าของหรือทำเอง และที่เป็น "แฟรนไชส์" เป็นกิจการ SMEs ที่ผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีไปซื้อแฟรนไชส์มาเปิด
เงื่อนไขที่กำหนดให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยเมื่อมีเงินในบัญชีแล้ว โดยไม่สามารถกดเงินสดออกไปใช้หนี้ใช้สิน หรือเอาไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟได้นั้น ก็เพราะต้องการให้เม็ดเงินก้อนนี้หมุนเวียนอยู่ในระบบให้นานที่สุด
เพราะหากสามารถกดเงินสดออกมาได้ เงินก็หมุนรอบเดียวจบเห่แล้ว เวลาเอาไปจ่ายค่าน้ำไฟฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ หรือแม้แต่จ่ายค่าเทอมก็เถอะ หน่วยงานรัฐด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ที่ได้รับเงินไปแทบไม่ได้เอาไปหมุนต่อที่ไหน
แต่บรรดาร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านรวงชุมชน ที่ได้เงินในรูปเครดิตมานั้น สามารถเอาไปหมุนต่ออีกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพราะบรรดาสินค้าในร้านสะดวกซื้อหรือโมเดิร์นเทรด จะ 7-11 หรือโมเดิร์นเทรดอื่น ๆ นับพัน นับหมื่นรายการล้วนมาจากซัพพลายเออร์ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นรายทั้งสิ้น
เม็ดเงินเครดิต ดิจิทัล วอลเล็ต ที่รับไปจะกระจายไปยังซัพพลายเออร์อีกหลายต่อหลายทอด
แต่หากเบิกเงินสดไปใช้หนี้เงินกู้ จ่ายค่าเทอม จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ รอบเดียวมันก็จบเห่แล้ว เข้าทางกลุ่มทักท้วง คัดค้านเลยล่ะทีนี้ แบบว่า เห็นไหม จ่ายมาแล้วรอบเดียวก็ไม่หมุน
แต่หากรูดซื้อสินค้าแบบนี้ ยาวถึง 6 เดือน เม็ดเงินที่โมเดิร์นเทรดอย่าง 7-11 ทอปส์ แม็คโคร โลตัส CJ ได้รับไปจะถูกกระจายกลับไปยังซัพพลายเออร์ หมุนกลับมาอีกไม่รู้กี่ต่อ
แถมคลังและสรรพากร ยังตามดมกลิ่น DNA เส้นทางเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ว่านี้หมุนไปไหนต่อไหนบ้าง เพื่อตามไปรีดภาษีได้อีกต่อ จริงไม่จริง!!!!
แก่งหิน เพิง