กลายเป็นเทศกาลระดับโลก ขึ้นชาร์ต TOP 10 ไปแล้ว! สำหรับงานสงกรานต์ “มรดก” ที่ยูเนสโกประกาศรับรองในปี 2567 นี้ เผย! วัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการใช้จ่ายร่วมกับคนไทย “10 ล้านคน – 1.2 แสนล้านบาท” ไม่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจไทยระยะสั้น หากยังช่วยโปรโมท “ซอฟท์ พาวเวอร์” ของไทยในทุกมิติให้โลกได้รับรู้ ระบุ! หลายคน “จองตั๋ว” นัดหมายเข้าร่วมเทศกาลสงกรานต์ในปีหน้ากันแล้ว มั่นใจ! กองทัพ “ยูทูบเบอร์และคณะ” ช่วยโหมโรง...หนุนกิจกรรมท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี!
…………
อลังการงานสร้างระดับโลก! สมกับเป็นปีแรก...แห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หลังจากที่ ยูเนสโก ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็น...รายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ในการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 ณ เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา
งานสงกรานต์ในปี 2567 นี้ ประเทศไทย...ได้กลายเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่จะต้องเดินทางมาสัมผัสกับประสบการณ์ “สงครามน้ำ” ที่ใหญ่และดังที่สุดของโลกในประเทศไทยให้ได้
แม้ความเข้าใจต่อวัฒนธรรมและหลักคิดในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะแตกต่างไปจาก “ต้นทาง” แห่งอารยธรรมดั้งเดิมของบรรพชนไทย แต่การจัดงานในรูปแบบใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปืนฉีดน้ำ, การจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ และอื่นๆ ก็ถือเป็นระดับแห่งการพัฒนาการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ให้ก้าวไปข้างหน้า “ฉีกหนี” รูปแบบเดิมๆ ของการจัดงานที่ประเทศรอบข้าง...ต่างก็จัดขึ้น เพราะต่างก็มีวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาที่คล้ายคลึงกัน
ถึงรูปแบบการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทยจะแตกต่างไปจากเดิม แต่ก็มีการ “คงไว้” ในหลายประเพณี...หลากกิจกรรมที่เคยกันมา ไม่ว่าจะเป็น...การทำบุญตักบาตร, การสรงน้ำพระ, การรดน้ำดำหัว “ขอพร” จากผู้สูงอายุและพ่อแม่ ฯลฯ
สอดรับกับความต้องการของคนทุกชาติพันธุ์บนโลกใบนี้ ชนิด...ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้
ผู้คนจากทวีปเอเชียและโอเชียเนีย, ตะวันออกกลาง, ยุโรป, แอฟริกา ข้ามฟากไปยังฝั่งอเมริกา แม้กระทั่ง จากทวีปอเมริกาใต้...ต่างเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้สายน้ำที่สาดใส่กัน ชะล้างทุกสรรพสิ่งที่ไม่ดีให้หมดจากเรือนกาย
รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ...เพื่อนใหม่ข้ามทวีป...เกิดขึ้นท่ามกลาง “สงครามน้ำ”
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่? ทว่าอารมณ์ความรู้สึก “เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง!” ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้งานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย
งานใหญ่ประจำปีที่ภาครัฐและเอกชนไทยจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศในปี 2567 นี้ น่าจะเป็นเพียงไม่กี่งานเทศกาลระดับโลก ที่มีบรรดา...ยูทูบเบอร์, ติ๊กต๊อกเกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ จากทั่วทุกมุมโลก...มากที่สุด!!! เดินทางมาร่วมกิจกรรมและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านการทำ “คอนเทนท์ดีๆ” ไปสู่บรรดาแฟนคลับและผู้ติดตามของตัวเอง
นั่นเพราะพวกเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมผัสกับกิจกรรมนี้ด้วยตัวเอง
และประเทศไทย...ก็ได้รับผลพวงจากภารกิจนี้ไปเต็มๆ โดยไม่ต้องเสียเงินจ้าง “คนดังระดับโลก” มาช่วยโปรโมทให้แต่อย่างใด?
แลกกับการที่บรรดา...ยูทูบเบอร์, ติ๊กต๊อกเกอร์, และอินฟลูเอนเซอร์ จากทั่วทุกมุมโลก ได้รับคะแนนนิยมจากการทำคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เช่นกัน
งานนี้ จัดว่า...วิน-วิน-วิน...ทุกฝ่าย!!!
มีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาเข้าร่วมในงานเทศกาลสงกรานต์ในปี 2567 นี้ ได้ประกาศและนัดหมายล่วงหน้ากันแล้ว ทำนอง...“เจอกันใหม่อีกครั้ง...กับเทศกาลสงกรานต์ในปี 2568”
ขณะที่บรรดาแฟนคลับและผู้ติดตามของทูบเบอร์, ติ๊กต๊อกเกอร์, และอินฟลูเอนเซอร์...และยังไม่มีโอกาสเดินทางมาเข้าร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ต่างก็ “แพลน” ลงในตารางการท่องเที่ยวในปีหน้ากันไปแล้วเช่นกัน
มีรายงานข่าวต่างประเทศ แจ้งว่า สถานทูตไทยประจำประเทศต่างๆ ทั่วโลก (ไล่กันตามตัวอักษร A-Z) ไม่ว่าจะเป็น...บาเรน เบลเยี่ยม บราซิล บรูไน แคนนาดา จีน เดนมาร์ค ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น คาซัคสถาน เกาหลีใต้ คูเวต สปป.ลาว ลักแซมเบิร์ก มาเลเซีย เม็กซิโก มองโกลเลีย โมรอกโค เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย รัสเซีย โรมาเนีย ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ ศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์ ติมอร์เลสเต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (ขอขอบคุณข้อมูลจาก...ท่องโลก คอมเมนต์) ต่างก็เปิดโอกาสให้...คนไทยในต่างแดน และคนในประเทศนั้นๆ ซึ่งไม่มีโอกาสเดินทางมาร่วมเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ได้เข้าร่วมกิจกรรมเล่นน้ำในวันสงกรานต์ภายในสถานทูตไทยประจำประเทศนั้นๆ ได้เช่นกัน!!!
อิทธิพลของงานจัดงานเทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทย ช่างมี “เหนือจิตใจ” ของผู้คนจากทั่วโลกเสียจริง!
สิ่งนี้...ได้ส่งผลดีต่อการสร้าง “ซอฟท์พาวเวอร์” ให้กับประเทศไทย เช่นที่ “รัฐบาลเศรษฐา” ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ยังมีอีกสถานะ คือ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์พาวเวอร์แห่งชาติ คาดหวังกันไปเต็มๆ
ไม่เพียงเทศกาลสงกรานต์ของประเทศไทย...จะ “ขึ้นชั้น - ติด Top 10W” ของการจัดงานเทศกาลระดับโลก
หากแต่ผลพวงที่ ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเข้าร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ยังส่งผลดีต่อการขยายความเป็น “ซอฟท์พาวเวอร์” ของประเทศไทย ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจาก วัฒนธรรมการเล่นน้ำ ที่มีบรรดา...ยูทูบเบอร์, ติ๊กต๊อกเกอร์, และอินฟลูเอนเซอร์ “คนดัง” รวมถึงสำนักข่าวชื่อดังระดับโลก บางคน/บางสำนัก...ต่างจัดทำ “คู่มือการท่องเที่ยว” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย...
มีทั้งข้อแนะนำและข้อห้าม!!!
อาหารไทย ขนมไทย ผลไม้ไทย เครื่องดื่มไทย นวดแผนไทย สินค้า - เสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์ไทยๆ ฯลฯ ต่างก็เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก
หลายคนแห่เข้าห้างสรรพสินค้าชั้นนำ...เพื่อซื้อสินค้า “ซอฟท์พาวเวอร์” ของประเทศไทย กลับไปเป็น “ของฝาก” ให้กับคนทางบ้านของตัวเอง
สุดยอดมากกว่านั้น...เมื่อพบข้อเท็จจริงที่ว่า... มีผู้คนจากต่างชาติ...ต่างภาษา...ต่างศาสนา...ต่างวัฒนธรรม มาพบและพูดคุยกันด้วย “ภาษาไทย”!!!
นั่นก็หมายความว่า...ชาวต่างชาติเหล่านั้น ได้ใช้ “ภาษาไทย” เป็น “ภาษากลาง” ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย
อนาคตอันใกล้...“ภาษาไทย” คงจะเป็น “ภาษาสากล” อีกภาษาหนึ่งของโลก ที่ไม่เพียงคนไทยและคนจากประเทศข้างเคียง...จะใช้สื่อสารกันอีกต่อไปแล้ว
แต่ยังจะมี...คนจากในทวีปใหญ่ (เอเชียและโอเชียเนีย) รวมถึงชาวตะวันออกกลาง, ยุโรป, แอฟริกา, อเมริกา, ละตินอเมริกา บางคน (ย้ำว่า...บางคน?) ที่จะใช้ “ภาษาไทย” เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอีก
สำหรับตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาร่วมงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ในปี 2567 นี้ ก็น่าสนใจไม่ต่างกัน หากดูจากตัวเลขที่ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แถลงเอาไว้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน เทียบกับวันที่ 16 เมษายน 2567 จะเห็นภาพได้ชัดเจน
จากตัวเลขที่เคยแถลงเอาไว้ว่า...มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 7 เมษายน 2567 รวมทั้งสิ้น 9,988,151 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 4.84 แสนล้านบาทเศษ
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา...มีการ “อัพเดท” ตัวเลขกันใหม่ กระทั่งพบว่า…ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 14 เมษายน 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวในประเทศไทย ทั้งสิ้น 10,723,953 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 5.18 แสนล้านบาทเศษ
ผ่านมา 7 วัน พบว่า...มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 735,802 คน นี่ยังไม่นับรวมพวกที่เดินทางมาก่อนหน้านี้ และยังไม่ได้กลับบ้านของตัวเอง เพราะตั้งใจจะอยู่เล่นในงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย
นี่ยังไม่นับรวม บรรดาแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย อีกกว่าล้านคน! ที่ไม่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะแรงงานชาวเมียนมา เนื่องจากกำลังประสบปัญหากับภัยสงครามความขัดแย้งภายในประเทศของตัวเอง
ลงลึกถึงตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก พบว่า...นักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ยังคง “นำโด่ง” ที่ 2,031,552 คน รองลงมาคือ...แชมป์เก่าเมื่อปีก่อนอย่าง...นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 1,391,057 คน ตามมาด้วย นักท่องเที่ยวรัสเซีย 695,624 คน นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 619,186 คน และนักท่องเที่ยวจากอินเดีย 546,935 คน
สอดรับกับตัวเลขของเม็ดเงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ใช้จ่ายในระหว่างที่อยู่ในประเทศไทย...ในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะวันเดียวกัน (16 เมษายน 2567) ก็เป็น...นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ได้แถลงข่าวถึง “ความสำเร็จ” ของการจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” ในช่วง 5 วันของการจัดงาน (11-15 เมษายน) เฉพาะในพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินกลางและท้องสนามหลวง
พบว่า...มีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 784,883 คน แบ่งเป็นสัดส่วน ชาวไทย ร้อยละ 88 และ ชาวต่างชาติ ร้อยละ 12 และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้น 2,886.82 ล้านบาท คิดเป็นกระแสเงินหมุนเวียนทางตรง 951.04 ล้านบาท และทางอ้อม 1,935.78 ล้านบาท
ผู้ว่าการ ททท. ระบุด้วยว่า...จากการสำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว ตลอดระยะเวลาการจัดงาน พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ พึงพอใจในการจัดงานระดับมากที่สุด กิจกรรมแสงสีเสียงไฟ และบรรยากาศการจัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการ ตลอดจนพึงพอใจในการชมขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์ รวมทั้งต้องการให้มีการจัดงานลักษณะนี้อีกครั้ง
นั่นแค่...เฉพาะการจัดงานฯ บริเวณถนนราชดำเนินกลางและท้องสนามหลวง ยังไม่นับรวมการจัดงานในส่วนอื่นๆ ของกรุงเทพมหานคร เช่น บริเวณถนนสีลม, ถนนข้าวสาร, บริเวณสยามสแควร์, เซ็นทรัลเวิลด์ (ราชประสงค์), ห้างไอคอนสยาม และพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนอื่นๆ
และยังไม่นับรวม จังหวัดหัวเมืองขนาดเล็ก-ใหญ่อื่นๆ ที่มีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์กันทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะ...ใน จังหวัดภูเก็ต, อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดอยุธยา, จังหวัดสุโขทัย รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ ในภาคอีสาน เช่น จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น
ที่สำคัญ...ยังไม่นับรวมงานเทศกาลสงกรานต์ที่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เตรียมจะจัด “งานวันไหลพัทยา-นาเกลือ” ในวันที่ 18-19 เมษายน 2567 นี้ รวมถึง...งานสงกรานต์ของพี่น้องชาวมอญ ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ที่จัดช้ากว่าที่อื่นๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ (งานจัด 19-21 เมษายน 2567)
เหมือนกับที่ ห้างไอคอนสยาม ก็ยังจะจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ยาวไปจนถึงวันที่ 21 เมษายน 2567 ซึ่งถือเป็นการ “ปิดฉาก” ของการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ เช่นกัน
มีรายงานล่าสุดจาก “สื่อยักษ์ใหญ่ของเอเชีย” อย่างน้อย 2-3 สื่อ ที่รายงานเอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า...พบการใช้จ่ายเงินของคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ราว 10 ล้านคน (เป็นชาวต่างชาติมากกว่า 2 ล้านคน) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย รวมกันมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่...บรรดาศูนย์วิจัยต่างๆ ในประเทศไทย ประเมินกันไว้แค่ 4-5 หมื่นล้านบาท ถึงกว่า “1 เท่าตัว” เลยทีเดียว!
แถมสื่อต่างชาติเหล่านี้ ยังได้วิเคราะห์ตรงกันว่า...เม็ดเงินจำนวนดังกล่าว ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ให้กับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ถึงนาทีนี้...ไม่เพียงการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ที่ ยูเนสโก้ ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็น...รายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จะ “ติดชาร์ต” ขึ้นเป็น TOP 10 ของงานเทศกาลระดับโลกที่จัดขึ้นในทุกวันนี้
หากยังช่วยโปรโมท...วัฒนธรรมไทย และ “ซอฟท์เพาเวอร์” ของประเทศไทย ให้ขจายขจายดังไกลไปทั่วโลก กระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น และกลายเป็น เครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
ปีนี้...นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตบเท้าเข้ามาเที่ยวงานเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน สร้างเม็ดเงินร่วมกับคนไทยในห้วงเทศกาล “สงครามน้ำ” มากถึง 1.2 แสนล้านบาท ปีหน้า...2568 ที่มีการนัดหมายกันหล่วงหน้าไปแล้ว คาดว่าตัวเลขทั้งของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเม็ดเงินที่จับจ่ายใช้สอย ก็น่าจะพุ่งทะลุ...ทำลายสถิติกันไปใหญ่
โดยมี “พลังแฝง” จากบรรดา...ยูทูบเบอร์, ติ๊กต๊อกเกอร์, และอินฟลูเอนเซอร์ “คนดัง” รวมถึงสำนักข่าวชื่อดังระดับโลก คอยช่วยกันโหมโรง...โปรโมทกันไปล่วงหน้า
สิ่งนี้...เชื่อว่าจะส่งผลให้กิจกรรมอื่นๆ ตลอดทั้งปี ที่ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น...งานบุญเข้า-ออกพรรษา, งานแข่งเรือ, วิ่งควาย โดยเฉพาะประเพณีลอยกระทงและลอยโคม “ยี่เปง” ในภาคเหนือ กลายเป็นการ “เรียกแขก” ไปยังนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หาโอกาสมาร่วมกิจกรรมพิเศษในประเทศไทย ได้อย่างดี
เทศกาลสงกรานต์ “มรดกโลก” ได้กลายเป็น “ซูเปอร์ ซอฟท์ พาวเวอร์” และขึ้นชั้น...งานเทศกาล “Top 10” ของโลกไปแล้ว
น่าดีใจแทนรัฐบาลและคนไทยทุกคน! “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ขอเรียกร้องให้คนไทยเรา...ช่วยกันรักษามาตรฐาน “ระดับโลก” ในการจัดงานฯ และดูแล “แขกต่างบ้านต่างเมือง” เหล่านี้...เอาไว้ให้ยาวนานที่สุด!
อย่าไปสนใจว่า...ปัญหาการ “เคลม” จากประเทศข้างบ้าน?
เพราะคนทั่วโลก...มิได้โง่และดักดานเหมือนคนในประเทศข้างบ้านของไทย ที่เอะอะ! อะไร? ก็บอกว่า...พวกเขาคือ “ต้นแบบ” และกล่าวหาคนอื่นเป็น “ขโมย”
ทำอย่างนั้น...เท่ากับเป็นการประจานตัวเองให้โลกได้รับรู้ทั่วกัน!!!