ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นของไทยยังย่ำอยู่ที่ ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายใต้การบริหารงานของประธาน ตลท. คนใหม่ อย่าง “พิชัย ชุณหวชิร” มือดีทางด้านบัญชีและการเงินการลงทุน หรือว่าที่ขุนคลังคนใหม่ ได้เร่งยกระดับความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอย่างเร่งด่วน!
โดย เพจ SHINESTOCK ย่อยข้อมูลมาตรการสำคัญๆ ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไว้อย่างน่าสนใจ ระบุว่า วันนี้ (25 เมษายน 2567) ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ให้ “รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล” รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุน
โดยมีมาตราการที่กำหนดเพิ่มเติม 3 ข้อใหญ่ ดังนี้
1. การลดความผันผวนที่ผิดปกติของความเคลื่อนไหวราคาหุ้น
1.1 ปรับคุณสมบัติหุ้นที่จะ Short sell จะต้องเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 100 ส่วนหุ้นที่อยู่นอก SET 100 จะต้องมีมาร์เก็ตแคปเกิน 7.5 พันล้านบาท และมีเทิร์นโอเวอร์เฉลี่ยย้อนหลัง 12 สัปดาห์ที่ 2% เดิมกำหนดหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคป 5 พันล้านบาท (ปลายไตรมาส 2)
1.2 บังคับให้หุ้นที่สามารถทำการ Short sell ได้ ต้องขายชอร์ต ในราคาที่ซื้อกว่าราคา last trade (Uptick) ยกตัวอย่าง
ราคาหุ้น A last trade อยู่ที่ 50 บาท นักลงทุนที่จะขาย short จะต้องตั้งรอคิวที่ราคา 50.25 บาท ไม่สามารถที่จะขายชอร์ตได้ที่ 50 บาท หรือเท่ากับราคาปัจจุบันได้ (ปลายไตรมาส 2) ทำให้การขายชอร์ตมีความยากมากขึ้น และไม่ทำให้เกิดการขายทุบฝั่ง bid
เทียบกับปัจจุบันยังเป็น Zero-plus Tick ที่สามารถขายชอร์ตได้ในราคาที่เท่ากับหรือสูงกว่าราคา last trade (ปลายไตรมาส 2)
1.3 จัดให้มี Central Platform ในการตรวจสอบว่า มีหุ้นก่อนที่จะขายชอร์ต หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขายชอร์ตโดยไม่มีหุ้นในมือ (Naked Short Selling)
โดยจะใช้แหล่งข้อมูลกลางนี้ ในการตรวจสอบว่า ผู้ลงทุนรายนั้นมีหุ้นในมือ ก่อนที่จะเอามาชอร์ตหรือไม่ โดยต้องบังคับให้ Flag เครื่องหมาย S ทุกครั้งก่อนชอร์ตหุ้นออกมา (ปลายไตรมาส 4)
1.4 เพิ่มการมีCircuit Breaker หุ้นรายตัว ในกรณีมีความผันผวนของราคาหุ้นที่ขึ้นลงเร็วเกินไป ซึ่งจะแคบกว่า Ceiling & Floor ที่อยู่ในระดับ 30% (ปลายไตรมาส 2)
1.5 เพิ่มมาตราการ Auction หุ้นที่อยู่ในเกณฑ์กำกับการซื้อขาย โดยจะกำหนดให้หุ้นที่ติดแคช บาลานซ์ระดับ 2 (Level 2) จะต้องเข้าเกณฑ์ “บังคับซื้อขายด้วย Auction” และห้าม Net settlement
ขออธิบายแนวทางของ Auction คือ เวลาเทรดหุ้นจะไม่เหมือนหุ้นแบบปกติทั่วไป แต่จะเปิดให้ซื้อขาย (จับคู่) วันละ 3 รอบเท่านั้น
1. Pre-open 1 คือ ช่วงเวลา 09.30-09.55 น.
2. Pre-open 2 คือ ช่วงเวลา 13.30-13.55 น.
3. Pre-Close คือ ช่วงเวลา 16.30-16.35 น.
โดยจะมีช่วง No matching1-2 (Pre-open 1-2 ที่จะเป็นช่วงหลังตั้งออร์เดอร์จับคู่ไปแล้ว ของ 2 ช่วงเวลา สามารถที่จะอัพเดท ออร์เดอร์ หรือ ยกเลิกคำสั่งได้ แต่จะไม่อนุญาติให้ส่ง “ออร์เดอร์”
ทั้งนี้ การส่งคำสั่งซื้อขายเหมือนหุ้นทั่วไป และให้เพิ่ม Odd lot ส่งคำสั่งในช่วงดังกล่าวได้ โดยส่งเฉพาะคำสั่งประเภท Limit Order ที่มีอายุภายในวันเท่านั้น
หากหุ้นดังกล่าว ยังไม่หยุดความร้อนแรง จะถูกบังคับให้เข้าเกณฑ์ในระดับที่ 3 (Level 3) โดยจะถูกขึ้นเครื่องหมาย Pause (P) ห้ามซื้อขาย 1 วัน (ไตรมาส 3)
2. พฤติกรรมการเทรดที่ไม่เหมาะสม
มาตราการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม จะมีดังนี้
2.1 Auto halt หุ้นรายตัว จะทำในกรณีที่มีการส่งคำสั่งหุ้นจำนวนมากในคราวเดียวเกินกว่าที่กำหนด เพื่อป้องกันการจับคู่ของการสั่งคำสั่งที่ผิดปกติ เคสนี้ได้ กรณีศึกษามาจากหุ้น MORE ที่มีการตั้ง Bidซื้อหุ้นจำนวนสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น (ไตรมาส 4)
2.2 กำหนดเวลาขั้นต่ำของ ออร์เดอร์ ก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่ง (Minimun Resting Time) ไว้ที่ระดับ 250 milliseconds ซึ่งถ้าออร์เดอร์ดังกล่าวมีการแก้ไข หรือยกเลิกก่อนเวลากำหนด จะถูก่อนreject ออกทันที
เกณฑ์ข้อนี้ จะมีปัญหาสำหรับกลุ่มที่ใช้ โรบอต หรือ โปรแกรมเทรดและ HFT ส่วนรายย่อยไม่มีปัญหาอะไร(ไตรมาส 4)
2.3 Central Order Screening จะเป็นระบบกลางในการคัดกรองออร์เดอร์ที่ไม่เหมาะสม ทั้งออร์เดอร์ซื้อขายปกติ , การขายชอร์ต รวมถึง โปรแกรมเทรดดิ้ง ด้วย(ต้นปี 2568)
2.4 เปิดเผยข้อมูลของผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้กับสมาชิกทุกรายทราบ (ไตรมาส 2)
2.5 จับให้ผู้ลงทุนที่ใช้ HFT หรือ โปรแกรมเทรดดิ้ง ลงทะเบียน หากรายนั้นทำผิดจะมีการยกเลิกการตั้ง collocationที่ SETทันที และถ้าหากทำผิดกฎพ.ร.บ.หลักทรัพย์ ก็จะส่งเรื่องให้ สำนักงาน ก.ล.ต. ดำเนินการต่อไป (ปลายไตรมาส 2)
3. การเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน
3.1 เปิดเผยยอดคงค้าของการขายชอร์ต (Outstanding Short Position) ของหุ้นรายตัว แบบรายวัน ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ลงทุนทราบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา
3.2 การเพิ่มบทลงโทษให้บริษัทสมาชิก หรือ บล.ที่ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์เกี่ยวกับการขายชอร์ต หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ให้สูงกว่าปัจจุบัน 3 เท่า (ปลายไตรมาส 2)
3.3 การเปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นที่ซ่อนอยู่ใน NVDR สูงสุด 10 อันดับแรก และผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 0.5% ให้ประชาชนทราบ (ปลายไตรมาส 2)
(ขอบคุณข้อมูล : เพจ SHINESTOCK)