ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญผู้บริหารธนาคารยักษ์ใหญ่ “กรุงไทย – กรุงเทพฯ - กสิกรไทย และไทยพาณิชย์” เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและSMEs ซึ่งผู้บริหารธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ประกาศลดดอกเบี้ย MRR .25% ระระเวลา 6 เดือนนั้น
ล่าสุด ธนาคารของรัฐ ไล่ตั้งแต่ ธอส. – ออมสิน และ SME D Bank ประกาศดอกเบี้ยลง MRR 0.25% ต่อปี เช่นกัน
ธอส. ดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.25% ต่อปี มีผล 1 พ.ค.นี้
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายรัฐบาล ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป พร้อมช่วยเพิ่มรายได้จากการออมให้กับประชาชน ด้วยการจัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี เปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม – 30 ธันวาคม 2567
โดย นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มีมติร่วมกันให้สถาบันการเงินสมาชิกปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตามนโยบายรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง โดย ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 6.795% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.545% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้ากว่า 1.8 ล้านบัญชี รวมถึงลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ธอส. ยังพร้อมสนับสนุนการออมภาคประชาชน ให้มีวินัยทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการออมเงินที่ได้รับผลตอบแทนสูง จึงได้จัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” เพียงเปิดบัญชีเงินฝากขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป และมีวงเงินฝากคงเหลือไม่เกิน 200,000 บาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) พิเศษ! ดอกเบี้ยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากปีละ 2 ครั้ง (29 มิถุนายน และ 29 ธันวาคม)
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม – 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงินโครงการ ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ
ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ได้ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว พร้อมให้บริการลูกค้าทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th
“ออมสิน” ยันลดดอกเบี้ย MRR ต่ำที่สุด!
ธนาคารออมสิน ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) = 6.595%
- MRR ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
- เป็นการลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 2 ของปี 67 รวมดอกเบี้ย MRR ลดลงแล้ว 0.40%
- เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567
- ดอกเบี้ยลดอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องติดต่อธนาคาร
ทั้งนี้ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารสมาชิกฯ ตระหนักถึงภาระต้นทุนทางการเงินของประชาชนและสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวในขณะนี้ โดยสมาคมฯ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการทางการเงินต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้น เพื่อบรรเทาภาระและช่วยเสริมสภาพคล่องในครัวเรือน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐ ปรับลดดอกเบี้ย MRR 0.25%
SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐบาล ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค. 67 เป็นต้นไป พร้อมเสิร์ฟสินเชื่อ “SME Refinance” อัตราดอกเบี้ยถูกพิเศษ คงที่ปีแรกเพียง 2.99% ต่อปี ช่วยลดภาระ ผ่อนหนักเป็นเบา ควบคู่พัฒนาเสริมแกร่งธุรกิจ จบครบในจุดเดียวที่แพลตฟอร์ม “DX”
นายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เผยว่า ตามที่สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มีมติร่วมกันให้สถาบันการเงินสมาชิกปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตามนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และลูกค้ากลุ่มเปราะบาง โดย SME D Bank พร้อมขานรับนโยบาย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 8.05% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.80% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อีกทั้งช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงที่ยังมีปัจจัยท้าทายจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
นอกจากนี้ SME D Bank ยังมีบริการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดภาระค่าใช้จ่าย และมีสภาพคล่องเพียงพอ รวมถึง เสริมศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งสามารถปรับตัว เดินหน้าธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดย “ด้านการเงิน” ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ เช่น สินเชื่อ “SME Refinance” ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดต้นทุนการเงิน ผ่อนหนักเป็นเบา เดินหน้าธุรกิจได้ต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีแรกเพียง 2.99% ต่อปี วงเงินกู้ 5 - 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุดถึง 15 ปี และปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน
พร้อมกับ “ด้านการพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะ “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) บูรณาการหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษากว่า 50 แห่ง มอบบริการเสริมแกร่งธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตอบครบจบทุกความต้องการในจุดเดียว ในรูปแบบ SMEs Total Solution Center มีทั้งความรู้จำเป็นกับการดำเนินธุรกิจ ที่ปรึกษาธุรกิจ ช่วยขยายตลาด เพิ่มรายได้ ตรวจสุขภาพธุรกิจ Business Health Check เป็นต้น พร้อมรับสิทธิประโยชน์ SME D Privilege มากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357