ร้านขายสายเขียว 7,700 แห่ง สะเทือนหลังนายกฯ หักดิบดึงกัญชาคืนบัญชียาเสพติด
…..
ตลาดกัญชาสายเขียวระส่ำ หลังนายกฯ เศรษฐา “หักดิบ” สั่ง สธ. แก้กฎหมายดึงกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด พร้อมยาบ้าแค่ 1 เม็ด มีความผิดฐานครอบครองเพื่อเสพแล้ว จบปัญหา จนท.เกียร์ว่าง เผยกระทบร้านค้าจำหน่ายกัญชาไม่ต่ำกว่า 7,700 แห่ง มูลค่านับ 10,000 ล้าน
หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คนใหม่ รวมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือด่วนในครั้งนี้ว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนที่จะต้องเห็นผลภายใน 90 วัน หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านทุกครั้งในการลงพื้นที่ ชาวบ้านประชาชนในหลายชุมชนรู้สึกไม่ปลอดภัย เหตุหนึ่งก็เกิดมาจากการที่ยังเห็นคนที่ติดยา หรือกำลังบำบัดเดินอยู่ในชุมชน จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำงานให้หนักยิ่งขึ้นไปอีกให้สมกับที่เราประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ยาเสพติดหมดไป โดยจัดการผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อยให้ราบคาบ และบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน
ในส่วนความไม่ชัดเจนของกฎหมายนั้น นายกฯ ขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฎกระทรวงฯกำหนดปริมาณยาเสพติดยาบ้าที่ชัดเจนลงไป เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยให้ปรับลดการครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพให้เหลือ 1 เม็ด แทนที่จะเขียนว่าปริมาณเล็กน้อย เพื่อเป็นหลักการให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำตามได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขอให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติสื่อสารกับผู้ปฏิบัติงานให้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะมียาเสพติดกี่เม็ดก็ผิดกฏหมาย หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ จะถูกแจ้งข้อหาครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนเรื่อง “กัญชา” ขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น สำหรับเรื่องการบําบัด ขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ยกระดับประสิทธิภาพงานบําบัดยาเสพติด ทั้งในศูนย์บำบัด เรือนจํา และระบบคุมประพฤติ
แหล่งข่าวในสมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา เปิดเผยว่า ในส่วนของสมาคมผู้ปลูกกัญชงและกัญชานั้นไม่ติดใจเรื่องที่รัฐ จะดำเนินการนำเอาช่อดอกกลับสู่บัญชียาเสพติด หรือกำหนดความชัดเจนในเรื่องกัญชาเพื่อการแพทย์ เพียงแต่ขอให้มีความชัดเจนในเรื่องสถานะและข้อกฎหมายว่า แต่ละเรื่องจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับใด เช่นหากจะนำเอาสาร CBD ไปทำการผลิตอาหารหรือใช้ทางการแพทย์ซึ่งสามารถทำได้ แต่ก็ยังมีความไม่ชัดเจนของกฎหมายว่าจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายใดบ้าง เกี่ยวข้องกับกฎหมายยาเสพติดหรือไม่ กฎหมายของแพทย์แผนไทย หรือกฎหมายของตัวกัญชงกัญชาเองหรือไม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทางสมาคมฯ ได้เคยเข้าพบและหารือกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สธ. เพื่อขอทราบนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐเกี่ยวกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมกัญชงและกัญชา เพราะที่ผ่านมายังคงมีความไม่ชัดเจน และมีปัญหาข้อกฎหมายเยอะมาก ผู้ประกอบการมีการลงทุนไปนับหมื่นล้านบาท แต่ละรายมีการลงทุนกันไป 200-300 ล้านบาท แต่พอมีความไม่ชัดเจนในเรื่องกฎหมายและสถานะของกัญชง-กัญชา ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
ส่วนผลกระทบจากการที่รัฐบาลจะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จำกัดการใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ในส่วนของผู้ประกอบการปลูกพืชกัญชงกัญชาเองไม่ติดใจ เพียงแต่ต้องให้รัฐมีกฎหมายมารองรับให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้นำข้อกำหนด หรือการควบคุมทางกฎหมาย ไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการทำธุรกิจได้เท่านั้น แต่ยอมรับว่าในส่วนของผู้ปลูกกัญชารายย่อย วิสาหกิจชุมชนหรือครัวเรือนที่มีการลงทะเบียนปลูกกันเป็นล้านราย คงได้รับผลกระทบตามมา
ยิ่งในส่วนของร้านรวงที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นร้านค้าจำหน่ายกัญชาในเวลานี้ที่มีมากกว่า 7,700 ร้านค้า แต่ละร้านมีการลงทุนไปนับล้านบาท เบ็ดเสร็จน่าจะมากกว่า 15,000-20,000 ล้านบาทขึ้นไปนั้น คงได้รับผลกระทบตามมาแน่ หากมีการควบคุมการจำหน่ายกัญชาเพื่อการเสพอย่างเข็มงวด!
แก่งหิน เพิง