อดีตรองเลขาฯ กสทช. ชี้อดีตประธานวุฒิสภา “พรเพชร” ส่องานงอก หลังยื้อผลตรวจสอบคุณสมบัติประธาน กสทช. นานนับเดือน ทั้งที่ผลสอบ กมธ. ระบุชัดขาดคุณสมบัติ ฝ่าฝืนกฎหมาย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายพรเพชร วิชิตพลขัย ประธานวุฒิสภา ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อผลตรวจสอบคุณสมบัติของ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ที่คณะกรรมาธิการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที) ได้สรุปผลตรวจสอบคุณสมบัติแล้วระบุว่า ขาดคุณสมบัติ มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ก่อนส่งเรื่องไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อให้จัดทำความเห็นเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ ให้ประธาน กสทช. พ้นจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเรื่องกลับพบว่า ประธานวุฒิสภา ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต่อเรื้องนี้ จนกระทั่งวุฒิสภาชิกหมดวาระลง การซื้อเวลาดำเนินการดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หรือไม่
รายงานข่าวจาก กมธ.ไอซีที ระบุว่า มูลเหตุที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ยื้อผลตรวจสอบคุณสมบัติของประธาน กสทช. เอาไว้กว่า 2 เดือนจนวุฒิสมาชิกพ้นวาระนั้น ตนไม่ได้ปัดภาระหรือโยนเรื่องให้ สว.ชุดใหม่ แต่มองว่า เป็นปัญหาข้อพิพาทภายใน กสทช. และ กมธ.ไอซีที เพิ่งจะประชุมพิจารณาเรื่องแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 พ.ค. แต่ไม่รู้ว่าได้ส่งมายังประธานวุฒิสภาวันไหน แต่เรื่องเพิ่งจะมาถึงตน
“ผมไม่ได้ระงับรายงานการตรวจสอบของ กมธ.ไอซีที ต่อกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติประธาน กสทช. อะไรทั้งสิ้น จะระงับได้อย่างไร แต่ครั้งนี้เขาคงคิดว่าไม่ได้ดั่งใจเขา และคงคิดว่าประธานวุฒิสภาคงเป็นซูเปอร์แมนที่สามารถทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม สว.ชุดใหม่มีอิสระ หากเขาจะหยิบยกเอาเรื่องนี้ไปดูแล้วไม่เห็นชอบก็ทำได้ หรือจะเดินหน้าต่อก็ได้” นายพรเพชร กล่าว
การที่ประธานวุฒิสภาแสดงท่าทีชัดเจน จะส่งไม้ต่อให้วุฒิสภาชุดใหม่พิจารณาดำเนินการแทน ทั้งที่มีเรื่องร้องเรียนอยู่ที่ชุดเดิม และ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ไปหมดแล้ว มีข้อเสนอแนะให้ประธานวุฒิสภาต้องดำเนินการอย่างไรต่อเอาไว้ชัดเจน ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภา ที่จะต้องส่งรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี
ดังนั้น การที่ประธานวุฒิสภาไม่ส่งต่อรายงานผลตรวจสอบคุณสมบัติที่ว่านี้ไปยังนายกรัฐมนตรี ในทางกฎหมายย่อมไม่อาจจะพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากเป็นการประวิงเวลาเพื่อให้ประธาน กสทช. ยังคงทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดวาระ ถือเป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 หรือเลี่ยงการทำหน้าที่ของตน ซึ่งประธานวุฒิไม่อาจยกข้ออ้างที่ว่า สว.ชุดนี้กำลังจะหมดวาระได้ เพราะมีการเลือกตั้ง สว. ชุดใหม่และรับรองแล้ว เรื่องนี้ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ กำหนดให้เมื่อกรรมการ กสทช. ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 7 หรือ กระทำการฝ่าฝืนตาม มาตรา 8 ให้ดำเนินการส่งไปยังนายกฯ เพื่อทูลเกล้าให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง โดยไม่จำเป็นต้องขอมติของที่ประชุมวุฒิสภาแต่อย่างใด
หากย้อนกลับไปดูรายงานของ กมธ.ไอซีที ที่จัดส่งไปยังประธานวุฒิสภาก่อนหน้านั้น สรุปได้ว่า ศ.คลินิก นพ. สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง กสทช. จริง และกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามของการดำรงตำแหน่ง กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 และมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 18 มาตรา 20 ปรากฎตาม “บันทึกการประชุม คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม ครั้งที่ 17/2567”