ควันหลงจากการโชว์วิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร "นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า" ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย (พท.) บนเวที Vision for Thailand 2024 ที่เครือเนชั่นกรุ๊ปจัดขึ้นวันก่อน ที่แม้เจ้าตัวจะไม่ได้มีตำแหน่งแห่งหนอะไรเลยในพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาล แต่กลับเป็น "แสงทองผ่องอำไพ" ที่ใครต่อใครต่างก็วิ่งเข้าหา
…
โดยหนึ่งในปัญหาเศรษฐกิจที่อดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าวถึงนอกจาก "กับดักหนี้ครัวเรือน" ที่สูงกว่า 90% ในเวลานี้แล้ว คนไทยเราเองยังก้าวไม่ทันโลก ไม่ทันเทคโนโลยี ไม่ว่าจะด้านอุตสาหกรรม การเกษตร เทคโนโลยี
ไม่แปลกใจเลย ที่แม้ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเข้าถึงบริการสื่อสารโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตติดท็อป 5 ของโลก แต่เรากลับได้ยินได้ฟังแต่เรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เที่ยวหลอกลวงผู้คนไม่เว้นแต่ละวัน จนดูจะเป็นเรื่องปกติชาชินและ "ชิวๆ" ไปแล้ว
ที่สำคัญธุรกิจไทยวันนี้ยังเอาแต่ตั้งรับมุ่งทำมาหากินในประเทศ และมุ่งเน้นการเชื้อเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน (ตักตวง) เสียมากกว่า ตนเองอยากเห็นนักลงทุนไทยออกไปสู้ในเวทีโลกบ้าง โดยรัฐบาลต้องช่วยสนับสนุน
จะว่าไปนักลงทุนไทยที่มีกำลังพอจะออกไปเบ่งกล้ามสู้บนเวทีโลก นอกจากเจ้าพ่อกระทิงแดง "เจ้าสัวเฉลียว อยู่วิทยา" และเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี แล้ว ในระยะหลังก็เห็นจะเป็นกลุ่นทุนพลังงาน ทั้ง ปตท. PTT กลุ่มบ้านปู และกัลฟ์ เอนเนอร์ยี ที่ยังคงมีการลงทุนในต่างประเทศอยู่เป็นเนืองๆ
ส่วนบริษัทภิบาลในรายที่รัฐบาลในอดีตประคบประหงมแทบจะอุ้มสมกันอย่างออกหน้าออกตา อยากจะควบรวมกิจการค้าปลีก-ค้าส่ง เพื่อจะได้ผงาดเป็นบริษัทบิ๊กบึ้มในระดับภูมิภาค หรือควบรวมกิจการสื่อสารเพื่อจะได้ออกไปผงาดเป็นบริษัทสื่อสารระดับโลกระดับภูมิภาคอะไรนั้น
ฝากท่าน "ผู้นำจิตวิญญาณ" พรรคเพื่อไทยลองสอบถามหน่วยงาน อย่าง สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่อนุมัติอุ้มสมกันไปก่อนหน้าอย่างน่าทุเรศกันทีว่า เขาทำอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้างหรือยัง?
เพราะที่เห็นและเป็นไปกลับเป็นเรื่องของการแพร่ระบาด "ปลาหมอคางดำ" ที่บริษัทภิบาลรายนี้ออกมา "ปัดสาวะ" ยืนยัน นั่งยัน (และตะบันหมากยัน) ว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้มันว่ายข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศกาน่า ในทวีปแอฟริกาเข้ามายังไทยได้อย่างไร?
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจพลังงานที่ออกไปลุยไฟในเวทีโลกในช่วงที่ผ่านมา (โดยที่ภาครัฐแทบจะไม่เคยอุ้มสมให้การสนับสนุนอะไรนั้น) ก็อย่างกลุ่มบ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ที่ออกไปลงทุนด้านกิจการโรงไฟฟ้าและเหมืองถ่านหินทั่วโลกมาแล้ว ทั้งในสหรัฐฯ จีน อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย
ล่าสุด ยังออกมาตีปี๊บผลดำเนินงานครึ่งแรกของปีนี้ที่มีกำไรอู้ฟู่จากโรงไฟฟ้าแฝด Temple1 - Temple2 ในสหรัฐฯ รวมทั้งโรงไฟฟ้า HPC ใน สปป.ลาว กับการขยายลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ponder Solar ในมลรัฐเท็กซัส อีกด้วย
ส่วนกลุ่มพลังงานไทยอีกรายที่ออกไปลุยไฟลงทุนในต่างประเทศมาแล้วอย่างโชกโชน ก็คือ กัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ Gulf ที่ผู้บริหารคือ "เสี่ยกลาง-สารัตถ์ รัตนาวะดี" ที่ไปโผล่อยู่ข้างกายนายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่เนืองๆ นั่นแหละ ที่นอกจากจะประกาศเดินหน้าควบรวมกิจการ INTUCH สุดบิ๊กบึ้มไปวันวานแล้ว
ในแง่ของการลงทุนต่างประเทศด้านพลังงานของ Gulf ก็ไม่ธรรมดา ลุยไฟลงทุนต่างประเทศมาหมดแล้ว ทั้งในเวียดนาม โอมาน เยอรมนี สหรัฐฯ และอังกฤษ รวมทั้งใน สปป.ลาว เพื่อนบ้าน ล่าสุดตัวผู้บริหารกัลฟ์ยังประกาศจะรุกลงทุนเพิ่มเติมในตะวันออกกลางอีกด้วย
สำหรับกลุ่ม ปตท. PTT นั้น น่าจะถือเป็นที่สุดของธุรกิจพลังงานไทยที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ เป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาลโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการลงทุนขุดเจาะสำรวจแหล่งพลังงาน ค้าน้ำมันดิบ และคอนเดนเสท ก๊าซธรรมชาติ (ยกเว้นกิจการปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย 20,000 ล้าน ที่ลงทุนแล้วสูญ) โดย ปตท. และบริษัทลูก มีการลงทุนในต่างประเทศและมีเครือข่ายพันธมิตรอยู่ทั่วโลกนับไม่ถ้วน