ซีพีเอฟ กับ "หนังม้วนเก่า" ปัดต้นตอแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ
…
สังคมกังขา "เกษตรฯ-ประมง" ยังมีตัวตนอยู่ไหม หลังสภาทนายความออกโรงร่วมกลุ่มประมงแม่กลองยื่นฟ้อง "ซีพีเอฟ" ต่อศาลแพ่งและศาลปกครอง เรียกค่าเสียหายจากการระบาดของปลาหมอคางดำกว่า 2,400 ล้าน ขณะ CPF ร่อนแถลงการณ์โต้ ปัดพัลวันเป็นต้นตอแพร่ระบาด
จากกรณีที่ กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และประมงพื้นบ้านแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับ สภาทนายความ เป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ว่า เป็นตัวการการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ทำลายสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยา จนกระทบวิถีชีวิตของกลุ่มประมงอย่างหนักนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายฝ่ายได้ออกมาตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีต่อกรณีนี้ เพราะแทบจะไม่ได้มีบทบาทในการปกป้อง หรือให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากหายนะของชาวประมงในครั้งนี้ิ
จนถึงขั้นที่ ส.ส.พรรคประชาชน มีการหยิบยกประเด็น การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำไปอภิปรายระหว่างพิจารณางบประมาณประจำปี 2568 ที่กรมประมง ไม่ได้มีการบรรจงงบประมาณแก้ไขปัญหา เยียวยา และช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอค่าแม้แต่น้อย
ขณะที่การตั้งคณะทำงานตรวจสอบต้นต่อการแพร่ระบาดปลาหมอที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการไปก่อนหน้า ก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ต่างจากกรณี การตรวจสอบต้นตอของขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนก่อนหน้านี้
#CPF ฉายหนังม้วนเก่า
ล่าสุดยังปรากฏข่าว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซีพีเอฟ ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทได้ตั้งคณะทำงานเพื่อสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่เริ่มการริเริ่มแนวคิดการศึกษาตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งยุติความคิดที่จะทำการวิจัยเรื่องนี้เมื่อต้นปี 2554 ยืนยันว่า ไม่ใช่ต้นเหตุของการระบาดปลาหมอคางดำ
อย่างไรก็ตาม CPF พร้อมเข้าสู่กระบวนการเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ตามที่ถูกกล่าวหาและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่ก่อให้เกิดการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างถูกต้อง ตามกระบวนการทางกฎหมายและนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องของสังคมได้ในที่สุด
#รับซื้อปลาหมอคางดำให้แล้วไง!
"แม้บริษัทจะมั่นใจว่าไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ แต่ก็รับทราบดีว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาสำคัญ ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้เข้ามาช่วยสนับสนุนการแก้ไขอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งลงมือปฏิบัติการเชิงรุกหลายมิติตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน"
โดยมีการดำเนินงานเชิงรุก 5 โครงการ ประกอบด้วย..
1) สนับสนุนการรับซื้อปลาหมอคางดำจำนวน 2,000,000 กิโลกรัม นำมาผลิตเป็นปลาป่นเพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากระบบให้มากและเร็วที่สุด โดยช่วงเวลาที่ผ่านมา รับซื้อไปแล้วกว่า 1,100,000 กก. และยังคงรับซื้อต่อเนื่อง
2) สนับสนุนภาครัฐและชุมชนปล่อยปลาผู้ล่าจำนวน 200,000 ตัว โดยที่ผ่านมา บริษัทมีการส่งมอบปลากะพงขาว จำนวน 70,000 ตัว ให้กับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในหลายจังหวัด
3) สนับสนุนภาครัฐ ชุมชน และภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมจับปลา สนับสนุนอุปกรณ์จับปลาและกำลังคนในทุกพื้นที่ ที่ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาสนับสนุนกิจกรรมไปแล้ว 30 ครั้งใน 14 จังหวัด จับปลาหมอคางดำได้มากกว่า 25,000 กิโล
4) การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำ โดยร่วมกับสถาบันการศึกษา
5) ร่วมทำวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำเพื่อพัฒนาแนวทางที่จะบรรเทาปัญหาในระยะยาว ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ สถาบันการศึกษาทั้งใน และต่างประเทศ
#งัดลูกไม้เก่าฟ้องปิดปาก BIOTHAI
นอกจากนี้ บริษัท ซีพีเอฟฯ ยังให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI ในข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” อันมีมูลเหตุจากการเผยแพร่ข้อมูลการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำจนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์ในวงกว้าง เป็นการฟ้องเพื่อ "ปิดปาก" และคุกคามไม่ให้ประชาชนขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวของบริษัทหรือไม่
ล่าสุดวันวาน (10 กันยายน 2567) สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ได้ออกโรงประณามการแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวว่า เป็นลักษณะการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญฯ
พร้อมกับเรียกร้องให้ซีพีเอฟยุติการดำเนินคดีกับเลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) และเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาสาธารณะอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวมและขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อกลั่นกรองและยุติคดีนี้โดยเร็ว
#ย้อนรอยขบวนการนำเข้าหมูเถื่อน
ขณะที่แวดวงปศุสัตว์ได้ออกมาให้ความเห็นต่อแถลงการณ์ของ CPF ล่าสุดว่า ไม่ต่างไปจากแถลงการณ์ของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ "แม็คโคร" ที่เคยออกโรงชี้แจงกรณีปรากฏข่าวว่า บริษัทมีส่วนพัวพันกับการนำหมูเถื่อนจนถูก "ดีเอสไอ" บุกเข้าตรวจค้น และยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อหมูเข้าไปจำหน่ายในห้างแม็คโครก่อนหน้า
โดยบริษัทได้ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกันว่า บริษัทขอยืนยันถึงจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนและประณามการซื้อ-ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย
ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว บริษัทจึงได้มีการกำหนดนโยบายการจัดซื้อสินค้าที่ได้คุณภาพมาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมายและตรวจสอบย้อนกลับได้ ให้กับผู้ผลิตและคู่ค้าทุกรายยึดถือปฏิบัติ พร้อมทั้งมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด และยินดีร่วมกับภาครัฐในการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับ บริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษจับกุมเมื่อเร็วๆ นี้ แม็คโคร ขอเรียนชี้แจงว่า ในปัจจุบันทางบริษัทฯ มิได้ซื้อเนื้อหมูจากบริษัทนำเข้าดังกล่าวตั้งแต่กลางปี 2022 เนื่องจากตรวจพบสินค้าไม่ได้คุณภาพ เป็นเหตุให้บริษัทฯ ยุติการสั่งซื้อสินค้า รวมถึงในเวลาต่อมาได้เลิกรับซื้อตับหมูเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ใบสั่งซื้อที่ปรากฏตามข่าวนั้น เป็นการสั่งซื้อในอดีต และผู้ขายมีเอกสารประกอบการนำเข้าที่ถูกต้องทั้งหมด ณ ขณะที่บริษัทฯ ทำการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าว ซึ่งแม็คโครได้ตอกย้ำและตรวจสอบกับคู่ค้าทุกราย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความอยู่รอดของเกษตรกรไทยจากปัญหาหมูเถื่อนที่ทำลายเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
"แม็คโครขอยืนยันว่า สินค้าที่จำหน่ายในแม็คโครทุกสาขา มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และยืนยันว่าบริษัทไม่สนับสนุนการนำเข้าสินค้าที่ผิดกฏหมายในทุกรูปแบบ และยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่ผิดกฏหมายทุกประการ"
อย่างไรก็ตาม การที่มีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงจากบางสื่อ ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบและความเสียหายต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์องค์กร ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจากสาธารณชนและนักลงทุน บริษัทจึงขอชี้แจงและจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท
แถลงการณ์ของ CPF ข้างต้นแม็คโครข้างต้นนั้น แทบจะเป็นก๊อบปี้เดียวกับแถลงการณ์ของแมคโครเกือบจะทุกกระเบียดนิ้ว และความคืบหน้าในการตรวจสอบขบวนการนำเข้าหมูเถื่อนของดีเอสไอ และกระทรวงเกษตรก่อนหน้าที่มีแม็คโครเข้าไปพัวพันด้วยก่อนหน้านั้น สุดท้ายก็ "หายเข้ากลีบเมฆ" กระทั่งวันนี้
แล้วจะให้ประชาชนคนไทยเข้าใจกันอย่างไร?!!!
แก่งหิน เพิง