นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” Kick off โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จ่ายรัวๆ คนะ 10,000 บาท.. แฮปปี้ทั่วไทย
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 กันยายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เปิดตัว (Kick off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มทำการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวม 14.55 ล้านคน ในระหว่างวันที่ 25 - 27 กันยายน และ 30 กันยายน 2567
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดตัว (Kick off) โครงการฯ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. โครงการถึงปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เรื้อรังมานานหลายปี ไม่ใช่เพียงแค่ผลจากปัจจัยภายใน แต่ยังมีผลจากเศรษฐกิจทั้งโลกที่ฟื้นตัวช้า ซ้ำเติมด้วยปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค และยังไม่รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภัยพิบัติในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบ เกิดเหตุอุทกภัย ซึ่งถือเป็นครั้งที่รุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ จากปัจจัยข้างต้นทำให้เศรษฐกิจไทยฝืดเคือง ไม่เอื้อให้เกิดการลงทุนใหม่ ไม่มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กระทบการค้าขาย ประชาชนต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อการดำรงชีวิต ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยรวมถึงคนพิการ อย่างไรก็ดี ในอนาคตประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทำให้พร้อมต่อการลงทุน และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่จะทำให้เกิดรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
2. สำหรับการดำเนินโครงการฯ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เงินสดถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552.40 ล้านบาท สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่ทำให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ต่อลมหายใจให้พี่น้องประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อน โดยแบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 12.40 ล้านคน และกลุ่มคนพิการจำนวนประมาณ 2.15 ล้านคน ทุกคนจะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนหรือช่องทางเดิมในการรับเงินเบี้ยความพิการ พี่น้องประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้โดยไม่มีเงื่อนไขแต่อย่างใด สามารถรวมเงินกันเพื่อนำไปลงทุนทำมาค้าขาย สร้างหรือต่อยอดธุรกิจ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยในอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งการจ่ายเงินตามโครงการฯ จะเป็นการช่วยกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชน สร้างโอกาส สร้างความหวัง นำไปสู่การพัฒนาเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิต ให้พี่น้อง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
3. นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการ Digital Wallet เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประชาชนสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ได้ เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลและประชาชน ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ กับหน่วยงานรัฐสะดวกขึ้น โปร่งใสตรวจสอบได้ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง มีรอยยิ้ม สร้างความเท่าเทียมทางโอกาส เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีอีกครั้ง
ภายหลังจากการกล่าวเปิดงาน นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งถือเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในการเปิดตัวโครงการฯ อย่างเป็นทางการ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ได้เริ่มขับเคลื่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรมตามแนวนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งในช่วงท้ายของงาน นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสได้พูดคุยกับประชาชนที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ พร้อมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนของตัวแทนประชาชนที่ได้รับเงิน 10,000 บาท จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วย
อนึ่ง ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับเงินในวันที่ 25 - 30 กันยายน 2567 นี้ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงินจากรัฐบาลได้จากแอปพลิเคชันธนาคาร ตรวจสอบจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) หรือสอบถาม ณ ธนาคาร นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบผลด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของรัฐในวันถัดไปหลังจากวันที่รัฐจ่ายเงิน ได้แก่
1. เว็บไซต์ https://xn--2567-4doaav1an0gvcuc4hcbc3gua9kpb5czewjlb2p.c...
2. เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th
3. แอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย"
4. แอปพลิเคชัน "ทางรัฐ"
5. Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2270 6400 ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ได้รับเงินหรือรัฐจ่ายเงินไม่สำเร็จในรอบนี้ รัฐจะมีการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) อีกจำนวน 3 ครั้ง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนและตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารให้มีสถานะปกติ (Active) เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการฯ ในรอบการ Retry และสำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา ดังนี้
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
ช่องทางติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
1. คนพิการ
1.1 เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check
1.2 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
1.3 Call Center กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 3388 ต่อ 701 - 702 (หน่วยงานออกบัตรประจำตัวคนพิการ) หรือศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
1.4 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ที่คนพิการรับเงินเบี้ยความพิการ ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
2.1 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2109 2345 ตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2.2 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทรศัพท์หมายเลข 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง