อนุ กมธ.ปลาหมอคางดำ แถลงผลศึกษาสาเหตุการระบาด พบเอกชนรายเดียวนำเข้า-ต้นตอแพร่ระบาด ยันผลตรวจสอบเชิงลึกถึงดีเอ็นเอพบมาจากแหล่งเดียวกัน จี้รัฐสอบหาผู้รับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ที่มี นพ. วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะอนุกรรมาธิการ และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองประธาน พร้อมคณะอนุกรรมการ ได้ร่วมกันเปิดแถลงถึงผลการศึกษาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลว่าระบาดไปแล้ว 79 อำเภอ 19 จังหวัด ว่า
ทางอนุกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาสาเหตุของปัญหาแล้ว พบว่า ปรากฏข้อมูลชัดเจนว่า มีบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่ดำเนินการขออนุญาตเพื่อนำเข้าปลาหมอคางดำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีการขออนุญาตนำเข้าครั้งแรกเมื่อปี 2549 ได้รับอนุญาตแล้ว แต่บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการนำเข้า จนกระทั่งปี 2551 บริษัทได้ขออนุญาตนำเข้าต่อกรมประมงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้นำเข้า
กระทั่งปี 2553 บริษัทขออนุญาตต่อกรมประมง ครั้งนี้ได้รับอนุมัตินำเข้า ก่อนที่บริษัทจะมีการนำเข้าปลาหมอคางดำจำนวน 2,000 ตัวจากสาธารณรัฐกานา โดยแจ้งว่าเพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ปลานิล ณ ศูนย์วิจัยสัตว์น้ำที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ต่อมาเมื่อเกิดการระบาด กรมประมงศึกษาวิเคราะห์เส้นทางการแพร่ระบาดจากโครงสร้างพันธุกรรมของประชากร พบว่า แต่ละประชากรย่อยไม่มีความแตกต่างกันทางพันธุกรรมมากนัก บ่งชี้ว่าประชากรปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดในไทยมีแหล่งที่มาร่วมกัน
นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า การแพร่กระจายของปลาหมอคางดำมีลักษณะเป็นหย่อมๆ ไม่เชื่อมกัน บ่งชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่อาจมีสาเหตุเริ่มต้นมาจากการเคลื่อนย้ายปลาหมอคางดำ โดยการกระทำของมนุษย์มากกว่าการแพร่กระจายไปตามเส้นทางน้ำที่ติดต่อกับชายฝั่งทะเล
ล่าสุด เมื่อ ส.ค.2567 กรมประมงได้นำข้อมูลลำดับพันธุกรรมของปลาหมอคางดำที่ระบาดใน 6 จังหวัด ซึ่งเก็บอยู่ในธนาคารพันธุกรรม หรือ DNA Bank ของกรมประมง ประกอบกับการสนับสนุนข้อมูลจากฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ปลาหมอคางดำที่เก็บตัวอย่างจาก 6 จังหวัดที่มีรายงานการระบาดในช่วง พ.ศ. 2560-2564 อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กับตัวอย่างข้อมูลทางพันธุกรรมที่มาจากประเทศกานาและโกตดิวัวร์
“คณะอนุกรรมาธิการฯ เห็นว่ารัฐควรดำเนินการสอบหาผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด ตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 97 โดยหน่วยงานของรัฐที่ควรเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ได้แก่ กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ”