ไม่รู้ว่า “โป๊ะแตก” หรือว่า กินปูนร้อนท้องกันหรือไม่…!!!
หลังจาก “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” นำเสนอข่าวกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ลงมติชี้มูลและตั้งกรรมการขึ้นไต่สวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ปกปิดการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ หลังจากมีการตรวจสอบพบเส้นทางการเงินจำนวน 260 ล้านบาท ที่มาจากกรณีโครงการปาล์มอินโดฯ ถูกโอนเข้าบัญชีที่เกี่ยวโยงเครือญาติภรรยา กลายเป็นประเด็นสินบน ป.ป.ช. ที่ทำเอาหน่วยงานระส่ำ!
เป็นประเด็นที่สื่อใหญ่ในระดับแถวหน้าของเมืองไทยนำเสนอเป็นข่าวพาดหัวที่ทำเอาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถึงกับนั่งไม่ติด ประธาน ป.ป.ช. ต้องออกโรงชี้แจงประเด็นการตั้งกรรมการไต่สวนด้วยตนเอง (อ่าน....สื่อต่างๆ ลงข่าว ป.ป.ช. ในหมายเหตุ)
ไม่คาดฝัน วันวานสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ จะได้รับ ”โนตี๊ส” จากสำนักงานกฎหมายบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ ( Baker & McKency Ltd. ) แจ้งให้พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวโครงการปาล์มอินโดฯ นี้ ด้วยอาจจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล เพราะข้อเท็จจริงของโครงการนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลโดยเฉพาะศาลแพ่งที่มีคำสั่งห้ามคู่ความหรือบุคคลใดนำข้อความ รูปถ่ายหรืออื่นใดที่ปรากฎอยู่ในสำนวนคดีไปเผยแพร่ไม่ว่าทางใด
“แก่ง หินเพิง” เข้าใจว่า ผู้บริหารสำนักกฎหมาย หรือแม้กระทั้ง “ซีอีโอ” บริษัท ปตท.กรีน เอนเนอร์ยี่ หรือ PTTGE คงอ่านภาษาไทยไม่กระจ่างหรือไม่แตกฉานหรือไม่ จนไม่รู้ว่า สิ่งที่สื่อมวลชน (รวมทั้งที่สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์) นำเสนอเป็นข่าวครึกโครมไปวันก่อนนั้น “มันเป็นเรื่องที่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ช. ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดและตั้งกรรมการไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ กรณีจงใจแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ หลังมีการตรวจสอบพบเส้นทางการเงินจำนวน 260 ล้านบาทเกี่ยวโยงภรรยา โดยเป็นการไต่สวนคดีที่สืบเนื่องมาจากคดีปาล์มอินโดฯ ที่พบว่ามีเส้นทางการเงินไหลเวียนเข้าสู่เครือญาติของผู้บริหารระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช.นี้ด้วย”
และเรื่องดังกล่าว ก็หาใช่ข่าวโคมลอยที่ใครจะเที่ยวยกเมฆนำเสนอได้ แต่เป็นเรื่องที่ พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาให้สัมภาษณ์เอง ถึงเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องชี้มูลความผิดและตั้งกรรมการไต่สวนให้เกิดความกระจ่าง
ส่วนอีกกรณีเป็นเรื่องที่อดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย เข้าแจ้งความเอาผิดกับกรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. อีกจำนวนหนึ่ง ในข้อหาจ่ายสินบนและปั้นพยานเท็จในคดีปาล์มอินโดฯ
โดยมีรายละเอียดของการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ชัดเจนว่า “มีการส่งผู้บริหารเดินทางไปล่วงหน้าเพื่อพบปะกับตัวอดีตประธานหอการค้าอินโดฯ-ไทย ก่อนที่กรรมการ ป.ป.ช. และคณะทำงานจะเดินทางไปสอบสวน”
ทั้ง ”กรณีสินบน ป.ป.ช. ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลและตั้งกรรมการไต่สวน และกรณีการแจ้งความร้องทุกข์กรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หลายรายข้างต้น” นั้น
สื่อต่าง ๆ รวมทั้งสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์เอง ได้ “ตอกย้ำชัดเจน” ว่า “เป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในสำนักงาน ป.ป.ช. ขณะที่กรณีข้อกล่าวหาของอดีตประธานหอการค้าอินโดฯ-ไทยที่สื่อนำเสนอนั้น ก็มีที่มาที่ไปชัดเจนว่าเป็นมาอย่างไร”
ขอโทษ! ข้อเท็จจริงเหล่านี้ มันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องฟ้องร้องคดีความแพ่งระหว่างพีทีทีจีอี กับอดีตผู้บริหารหรือ?
ใครจะถูก-ผิด อย่างไร ศาลท่านจะชี้มูลความผิดสั่งให้ใครต้องชดใช้ความเสียหายมาก-น้อยแค่ไหนอย่างไรนั้น..
ในเนื้อข่าวที่สื่อนำเสนอหรือที่สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ นำเสนอไปนั้น ปรากฏข้อความเหล่านี้อยู่ตรงไหนหรือ ถึงได้ “กินปูนร้อนท้อง” เต้นกันไปราว “ปลาช่อนถูกค้อนทุบ” ซะขนาดนั้น!
ขอโทษ! สักประโยคหรือสักบรรทัดยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ!
ในฐานะคนทำสื่อจะไป “ตรัสรู้” ได้อย่างไรว่า กรณีสินบน ป.ป.ช. ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาแถลงข่าวเป็นวรรคเป็นเวร หรือกรณีข้อกล่าวหาที่อดีตประธานหอการค้าอินโดฯ-ไทยเดินขึ้นสถานีตำรวจ เพื่อแจ้งความเอาผิดกรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. อีกหลายรายนั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน หรือมีการเสกสรรปั้นแต่งขึ้นหรือเป็นข้อมูลเท็จที่ปราศจากข้อเท็จจริง และเป็นข้อมูลที่มาจากสำนวนในคดีของบริษัทที่กำลังฟ้องร้องคาราคาซังอยู่ในศาล
ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เองออกมาแถลงข่าว และหากการนำเสนอข่าวของสื่อ เป็นเรื่องที่อาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล เช่นนั้นแล้ว..การที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ออกมาให้ข่าว ก็คงอยู่ในข่ายให้ข่าวพาดพิงไปถึงเนื้อหาในสำนวนคำฟ้องคดีปาล์มอินโดฯ ด้วย หรืออาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลด้วยกระมัง
ผู้บริหารบริษัทที่ต้องร้อนรนให้สำนักงานกฎหมายยื่น “โนตี๊ส” ให้ทุกสื่อหรือไม่นั้น (รวมทั้งสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์) หยุดการนำเสนอข่าวในทุกรูปแบบ!
แต่ก็อย่างที่กล่าว พวกท่านคงอ่านภาษาไทยไม่กระจ่างหรือไม่แตกฉาน.. จนไม่รู้ว่าสิ่งที่สื่อมวลชน (รวมทั้งที่สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์) นำเสนอนั้น เราตอกย้ำชัดเจนว่า เป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลและตั้งกรรมการไต่สวนกันเป็นข่าวครึกโครม!
ตรงกันข้าม การที่ผู้บริหาร พีทีทีจีอี เห็นข่าวนี้แล้วทึกทักเอาว่า ทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับข้อมูลในสำนวนคดีปาล์มอินโดฯ ที่บริษัทมีการยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเอากับอดีตผู้บริหารตนเอง และศาลแพ่งได้มีคำสั่งห้ามคู่ความหรือใครก็ตามออกมาให้ข่าวหรือนำเอาข้อความที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคำฟ้องไปเผยแพร่ทางสื่อไม่ว่าทางใดนั้น
ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้สังคมเริ่ม “กังขา” ว่าพวกท่านเกรงกลัวอะไรกันหรือ?
เกรงกลัวข้อมูลอะไรมันจะทะลักล้นออกมาหรือ.. ถึงได้ร้อนตัวเต้นเป็นเจ้าเข้ากันอย่างที่เห็น..
จนต้องวิ่งพล่านสั่งให้สำนักงานกฎหมายยื่น “โนติ๊ส” สั่งให้ใครต่อใครให้หยุดการนำเสนอข่าวในทุกรูปแบบเยี่ยงนี้!
หรือเกรงว่าประธานกรรมการ ป.ป.ช. จะล้ำเส้นแถลงผลไต่สวนคดีปาล์มอินโดฯ ออกมาเสียก่อน แต่ว่าไปแล้ว ซึ่งหน่วยงานเขาย่อมมีสิทธิ์กระทำได้อยู่แล้วล้านเปอร์เซ็นต์
เพราะยังไงเสีย ป.ป.ช. จะต้องแถลงผลไต่สวนคดีปาล์มอินโดฯ นี้ ทั้งกรณีปาล์มอินโดฯ อื้อฉาวที่ ป.ป.ช. รับเรื่องเอาไว้ไต่สวนตั้งแต่ปีมะโว้ และกรณีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงาน ป.ป.ช. ถูกชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีปาล์มอินโดฯ นี้
กรณีเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนใดไปเกี่ยวข้องกับกรณีการฟ้องร้องของ “พีทีทีจีอี” กับอดีตผู้บริหารของตนเองแม้แต่น้อย!
มาถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” กังขาและสงสัยหนักยิ่งขึ้นไปอีก การที่ผู้บริหารพีทีทีจีอีออกมาฟ้อนเงี้ยว ถึงขั้นให้สำนักงานกฎหมายเลื่องชื่อที่ใครๆ ก็รู้ว่า “ค่าจ้างสำนักงานกฎหมายระดับอินเตอร์ดังกล่าว แพงลิบลิ่วแค่ไหน" เอาเป็นว่าต่อให้เอาเงินเดือนของผู้บริหารทั้งบริษัทมารวมกันก็ยังไม่มีปัญญาจะจ้างเองได้หรือไม่!
บริษัทลูกของ ปตท. ถึงกล้า “ผลาญงบ” กันเป็นล้าน เป็นสิบล้าน หรือจะนับ 100 ล้านก็ไม่อาจทราบได้ เพื่อว่าจ้างสำนักกฎหมายในระดับอินเตอร์มาว่าความแก้ต่างคดีให้แก่องค์กรเอาได้
สงสัยว่า เหตุใดไม่ใช่สำนักกฎหมายไทย หรือใช้สำนักงานอัยการแก้ต่างคดีให้เฉกเช่นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
เรื่องแบบนี้บริษัทแม่ ปตท. และผู้ถือหุ้นไม่คิดจะล้วงลูกเข้าไปตรวจสอบบ้างหรือ?
มันมีเบื้องหน้า เบื้องหลังอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่?
นี่หากสื่อ หรือสำนักข่าวต่างๆ แค่จั่วหัวหรือนำเสนอข่าวว่า จะกระชากหน้ากากโครงการปาล์มอินโดฯ/หรือจะย้อนรอยโครงการปาล์มอินโดฯ หรือแค่จั่วหัว เปิดไส้ในโครงการปาล์มอินโดฯ ต่อให้ไม่ต้องใส่เนื้อหา แค่ไปลอกเอาข้อมูลในหนังสืองบดุลของบริษัท PTTGE มานำเสนอ..
ก็ไม่แน่ว่า ผู้บริหาร PTTGE ยุคนี้ อาจวิ่งพล่าน ให้ "ลอว์เฟิร์ม" ระดับอินเตอร์แห่งนี้ ไล่ยื่นโนตี๊ส ขู่ฟ้องสื่อหรือสำนักข่าวต่างๆ กันจ้าละหวั่นตามมาแน่!!!
โดย..แก่งหินเพิง
....
หมายเหตุ : สื่อที่ลงข่าว ป.ป.ช.
- "ป.ป.ช." ฟันบิ๊ก ป.ป.ช. "ประหยัด พวงจำปา" รองเลขาธิการฯ จงใจยื่นบัญชียื่นทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ กว่า 400 ล้านบาท
https://thaipublica.org/2019/08/nacc-15-8-2562/
- https://www.voicetv.co.th/read/akUDC2Huv
- https://www.springnews.co.th/news/203128
- https://www.isranews.org/isranews/79212-isranews_79212.html
- http://www.thansettakij.com/content/400428#.XU8L4VOVja8.twitter
- https://www.isranews.org/isranews/79479-isranews_79479.html
- https://www.thansettakij.com/content/407436
- https://www.komchadluek.net/news/politic/383897