บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ EGCO Group มั่นใจจะสามารถปิดจ๊อบ Yunlin พร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า “ภาพรวมการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 EGCO Group ได้สร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่อยู่ใน Portfolio อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนสามารถผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้มีความก้าวหน้าตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ Yunlin โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน ที่ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) และกังหันลม (Wind Turbine Generators - WTGs) ครบ 80 ต้น เรียบร้อยแล้ว และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วทั้งสิ้น 67 ต้น คิดเป็นกำลังผลิต 536 เมกะวัตต์ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้”
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EGCO Group มีรายได้รวม 12,354 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,604 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ได้แก่ Paju ES ในเกาหลีใต้ Nam Thuen 2 ใน สปป.ลาว และ Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยในไตรมาสนี้ EGCO Group มีกำไรสุทธิ 2,463 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2567 EGCO Group มีรายได้รวม 35,225 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 7,014 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,518 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักนอกจากโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ได้แก่ Paju ES ในเกาหลีใต้ Nam Thuen 2 ใน สปป.ลาว และ Quezon ในฟิลิปปินส์ แล้ว ยังเสริมด้วยโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Linden Cogen และ Compass ตลอดจน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ที่รับรู้รายได้จากการขายโครงการ
“ผลประกอบการของ EGCO Group ดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group โดยบริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีข้อได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ “มุ่งมั่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน” ” ดร.จิราพร กล่าว
เกี่ยวกับ EGCO Group
ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,019 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,463 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง อนุรักษ์พลังงาน และการฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power”
ทั้งนี้ EGCO Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มา 4 ปีต่อเนื่อง (2563-2566) สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ EGCO Group เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.egco.com และ www.facebook.com/EGCOGroup