รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ (ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 1) ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ช่วงวันที่ 25-30 ก.ย. 67 สำเร็จรวมทั้งสิ้น 14.05 ล้านคน และเก็บตกคนที่โอนเงินไม่สำเร็จอีก 381,287 คน ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีเม็ดเงินกระจายไปทุกอำเภอทั่วประเทศประมาณ 14.5 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากการสำรวจตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,242 คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ต.ค. 67 จาก ระดับ 55.3 เป็น 56.0 เป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 67 เป็นต้นมา
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น มาจากผู้บริโภคมีคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม การดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 14.55 ล้านคน โดยเริ่มโอนเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 67 เป็นต้นมา
“ดัชนีฯ ทุกตัวปรับขึ้นยกแผง เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ผู้บริโภคเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก จากที่การบริโภคเริ่มดีขึ้น เริ่มมีความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคตที่สดใส และโดดเด่น ปัจจัยสำคัญเพราะคลายกังวลปัญหาน้ำท่วม และการได้รับเงิน 10,000 บาท ช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยคล่องตัวขึ้น” นายธนวรรธน์ ระบุ
ต่อมาวันที่ 19 พ.ย. 67 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร เป็นประธาน ที่ประชุมเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2) เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
โดยกลุ่มเป้าหมายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ณ วันที่ 15 ก.ย. 67 ประมาณ 4 ล้านคน ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านผ่าน “แอปพลิเคชั่นทางรัฐ” และผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว โดยไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 4 ล้านคนที่ว่านี้ จะได้รับเงิน 10,000 บาท ก่อนวันตรุษจีนปีหน้า (29 ม.ค. 68)
“เสือออนไลน์” มองย้อนกลับไปที่ผู้ลงทะเบียนผ่าน “แอปพลิเคชั่นทางรัฐ” ประมาณ 36 ล้านคน ถ้าหักลบผู้สูงอายุ เฟส 2 ไป 4 ล้านคน และรายชื่อ+คุณสมบัติซ้ำซ้อนกับผู้ที่ได้รับเงินในเฟส 1 ไปแล้วอีก 10 ล้านคน (ตัวเลขสมมุติ)
ดังนั้น ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 สำหรับคนอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไปที่ลงทะเบียนผ่าน “แอปพลิเคชั่นทางรัฐ” จะเหลือยอดประมาณ 20-22 ล้านคน
คนกลุ่มนี้ต้องรอให้รัฐบาลพัฒนา “ระบบดิจิทัล วอลเล็ต” ให้แล้วเสร็จในช่วงเดือน มี.ค. 68 และจะมีการโอนเงิน 10,000 บาท ประมาณ 20-22 ล้านคน ในช่วงต้นเดือน เม.ย. 68 กระจายไปทุกอำเภอทั่วประเทศ เงินก้อนนี้ประมาณ 2-2.2 แสนล้านบาท จะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง อย่างเห็นผลที่ชัดเจนแม่นยำในทุกอำเภอของประเทศไทย
นอกจากนี้ ดิจิทัล วอลเล็ต ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนนโยบายด้าน Digital Economy ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพราะปัจจุบัน Digital Economy ถือว่าเติบโตเร็วมาก คิดเป็น 2.5 เท่า หากเทียบกับเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ
รัฐบาลจึงสนับสนุนให้ประชาชนมีดิจิทัลวอลเล็ตเป็นของตัวเอง สอดรับกับโลกที่จะพัฒนาไปสู่การชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้นในอนาคต บนฐานข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น!
เสือออนไลน์