เล่นเอา "นั่งไม่ติด" ราวถูกไฟลนก้นกันเลยทีเดียว สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ถูกสื่อทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาสัพยอกเอาว่าเป็น "รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ" ไปแล้ววันนี้!
…
เป็นผลจากการที่พรรคยอมกลืนน้ำลายตนเองกระโดดเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาที่แทบจะไม่เผาผีกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
แม้ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา รมต.ของพรรค โดยเฉพาะ "นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกฯ และ รมต.พลังงาน จะโชว์ผลงานอันโดดเด่นในการปฏิรูปนโยบายพลังงาน โดยเฉพาะการตรึงราคาน้ำมัน และปรับลดค่าไฟฟ้าในมือประชาชน
ล่าสุดก็ประกาศปรับลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดแรกของปี 2568 เหลือเพียงหน่วยละ 4.15 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน คนไทยและภาคธุรกิจกันถ้วนหน้า
ขณะที่ผลงานโดยรวมของ รมต.ทั้งสองของ รทสช. ก็ใช่จะไม่มีเอาเสียเลย ล่าสุดก็เพิ่งจะจับมือกันแก้ไขกฎหมาย 4 ฉบับเพื่อ "ปลดล็อค" การติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ให้ประชาชนและธุรกิจสามารถเข้าถึง Solar rooftop ได้โดยไม่ต้องวิ่งรอกขออนุญาตจากสารพัดหน่วยงานกันอีก
แต่แทนจะได้รับเสียงชื่นชม สื่อรังนกกระจอกในทำเนียบกับให้ฉายา รมต.ของพรรค ซะเสียรูปมวยไปเลย โดย นายพีระพันธุ์ ถูกตั้งฉายาว่าเป็น "พีระพัง" ซะงั้น ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ถูกสัพยอกว่าเป็น "เอกนัฏ พร้อมพัง" ไปอีกคน
ทำเอา โฆษกพรรค รทสช. ถึงกับนั่งไม่ติด ต้องออกมาแก้ต่างเป็นพัลวัน โดยยืนยันและนั่งยันว่า ที่จริงแล้ว ฉายา "พีระพัง" ที่สื่อตั้งให้นั้น สะท้อนสิ่งที่นายพีระพันธุ์ดำเนินการไปต่างหาก นั่นคือการพังทลายการผูกขาด พังระบบที่เน่าเฟะ และพังการโกงกินทุกรูปแบบ
ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพัง ก็เช่นกันก็สะท้อนว่า พร้อมที่จะพังโรงงานธุรกิจสีเทา พังสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งพังโรงงานที่ปล่อยมลภาวะสู่ชุมชนต่างหาก
ดูเหมือนยิ่งแก้ต่าง ก็ยิ่งเข้าเนื้อ เหมือนเสือถูกน้ำร้อนลวก ยังไงยังงั้น (ไม่รู้จะมีไหนนะเสือถูกน้ำร้อนลวก) เพราะกว่าที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลจะตั้งฉายารัฐมนตรีแต่ละพระหน่อออกมาได้ ต้องผ่านการถกเถียง กลั่นกรอง ระดมสมองและสรรพกำลัง ตีแผ่ผลงานของ รมต. แต่ละคนออกจนสุกงอมได้ที่ กว่าจะเสกสรรค์ปั้นแต่งฉายากันออกมาได้
เพราะงั้นที่มาของฉายารัฐมนตรีที่ได้มานั้น ไม่ใช่จะได้กันมาง่ายๆ สื่อเขาต้องกลั่นกรองแล้วกลั่นกรองอีก กว่าจะสะเด็ดน้ำลงตัว และทุกฉายาที่สื่อให้นั้น มันสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของรัฐมนตรีโดยแท้
ก็อย่างที่บอก ช่วงแรกที่ท่านเข้ามานั่น รมต.พลังงาน ก็เรียกเสียงฮือฮาจากนโยบายตรึงราคา และลดราคาพลังงาน ลดราคาน้ำมัน ตรึงค่าไฟฟ้าสุดลิ่ม ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมไปทั่วทุกสารทิศ และในปีแรกนั้น รมต.พลังงาน แทบจะเป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานแซงหน้าพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ!
แต่ทำไปทำมาไม่รู้เป็นอย่างไร หรือช็อตฟีลอะไรขึ้นมา หลากหลายนโยบายดูจะย้อนแย้งในตัวเองขึ้นมาซะงั้น กลายเป็นการชักเข้า-ชักออก "ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก" ไปเสียอย่างนั้น นโยบายที่เคยตีปี๊บไว้ดิบดีเมื่อตอนเข้ามานั่งเก้าอี้ใหม่ๆ ที่จะ “รื้อ ลด ปลด สร้าง” รื้อระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้ง “ต้นทุน” ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล ลดภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรายวัน
และโดยเฉพาะการกำหนดราคาขายปลีกให้สอดคล้องและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ปลดพันธนาการ “น้ำมันแพง” ที่ประชาชนต้องแบกรับภาระขึ้น-ลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก สร้างระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นธรรมและยั่งยืนนั้น จนป่านนี้ประชาชนก็ยังคง "หาวเรอ" รอแล้วรอเล่า!
หนักข้อเข้า ยังไปกระตุกเบรกนโยบายที่ตัวเองโม่แป้งมากับมือ อย่างการสรรหากรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ "กกพ." ที่ว่างลง 4 ตำแหน่งนั้น กระทรวงพลังงาน เป็นผู้เสนอ คณะกรรมการสรรหา กกพ. มากับมือ แต่ก็กลับไปกันทุกเบรคสั่งให้ชะลอกระบวนการสรรหากันซะอย่างนั้น เป็นใครก็งงเกิดอะไรขึ้นหรือ เสียใจกระทรวงพลังงาน ถึงกลับมา ก็ถูกเบรคตัวเองจนหัวทิ่มแบบนั้น
อีกสารพัดนโยบาย ที่คงสาธยายไม่หมด อย่างกรณีการจัดซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือก พลังงานสะอาด ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพิ่งจะประชุมมอบนโยบายให้กระทรวงพลังงานไปดำเนินการเร่งรัดนโยบายดังกล่าว แต่พอให้หลังไม่ทันข้ามวัน กระทรวงพลังงานกลับสั่งชะลอการตั้งโต๊ะจัดซื้อไฟฟ้าพลังงานทางเลือกที่ว่าขึ้นมาซะอย่างนั้น เล่นเอาแวดวงพลังงานได้แต่อึ้งกิมกี่ เกิดอะไรขึ้นกับรัฐมนตรีพลังงาน ใช่คนเดียวกันหรือไม่
มาถึงเรื่องที่ไปสั่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ กฟผ. ระงับโครงการจ้างเหมาขุดขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะวงเงินกว่า 7,250 ล้านบาท ด้วยข้ออ้างต้องการตรวจสอบความโปร่งใส เพราะมีการร้องเรียนจากบริษัทรับเหมายักษ์ ที่ไม่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก นั่นก็อีก!
ร่อนใบสั่งให้เขาระงับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เป็นการดำเนินการโดยปกติของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (รสก.) แบบนี้ ทำเอาหลายฝ่ายหนาวสันหลังแทน กลัวเครือข่ายพลังงานที่เป็นพันธมิตร จะดอดไปฟ้องหัวว่า "ล้วงลูก-แทรกแซง" ข้าราชประจำเอาได้
ล่าสุดนี้ ก็เห็นว่า ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานบอร์ด กฟผ. ออกมา "ดับเครื่องชน" ใบสั่งข้างต้นถึงขั้นระบุว่า อาจส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการผลิตไฟโดยรวมของประเทศปรับขึ้นเอง 8 สตางค์ต่อหน่วย เป็นอย่างน้อย
แล้วแบบนี้ จะไม่ให้สื่อเขาตั้งฉายา "พีระพันธุ์" ได้ไง จริงไม่จริงท่านรัฐมนตรีพีระพังที่เคารพ!!!
แก่งหิน เพิง