
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยแพร่บทวิเคราะห์ เรื่อง Generative AI ตัวช่วยยกศักยภาพ SMEs ไทย มีสาระที่น่าสนใจ..
Artificial Intelligence เส้นทางสู่การยกศักยภาพธุรกิจไทย
เทคโนโลยีดิจิทัลในโลกก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ Generative AI (หรือ Gen AI) ซึ่งการนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจ Goldman Sachs Intelligence (2023) พบว่า Generative AI สามารถเพิ่มมูลค่า GDP โลกได้ถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 10 ปี คิดเป็น 7% ของ GDP โลก ปี 2023 ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่มผลิตภาพแรงงานถึง 1.5% ภายใน 10 ปี
สำหรับประเทศไทย หากสามารถปลดล็อกข้อจำกัดของทุกภาคส่วนให้พร้อมใช้งาน Gen AI ได้ SCB EIC ประเมินว่า Gen AI มีศักยภาพที่จะยกระดับ GDP ไทยได้ถึง 5.9% ภายในปี 2030 ส่วนหนึ่งเพราะจะช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานไทยได้มากถึง 7.3% ภายในปี 2030 โดยพบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างผลิตภาพรวมกับสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Gen AI ของธุรกิจ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาด การวิจัยและพัฒนา ระบบคอมพิวเตอร์ และการใช้งานโทรคมนาคม
ความพร้อมของภาคธุรกิจไทยต่อการใช้ Generative AI ผ่านเลนส์ SMEs
SCB EIC ได้สำรวจมุมมองผู้ประกอบการ SMEs และการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า
1. ความพร้อม : ธุรกิจ SMEs ยังใช้งาน Gen AI ไม่ถึงครึ่งของจำนวนผู้ประกอบการที่ตอบแบบสำรวจ สำหรับกลุ่มที่เริ่มใช้งานแล้วกระจายอยู่ในภาคการผลิตและการบริการ โดยเฉพาะงานด้านการตลาดและการขาย สำหรับธุรกิจที่ไม่ค่อยพร้อม ยังกังวลในด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความถูกต้องของผลลัพธ์ และยังขาดความพร้อมในด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน AI และความพร้อมของบุคลากร
2. การปรับตัว : ธุรกิจเกือบ 90% เห็นประโยชน์ Gen AI ในเชิงธุรกิจ แต่ต้องใช้เวลาปรับตัว 2-5 ปี โดยคาดว่าจะใช้ AI ทดแทนพนักงานบางส่วน โดยเฉพาะธุรกิจที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การขนส่ง การเงินและประกันภัย โดยมีแผนลงทุนเพิ่มทักษะพนักงานในการใช้งาน Gen AI ส่งเสริมการตลาดและการขาย
3. การสนับสนุนจากภาครัฐ : ธุรกิจส่วนใหญ่มองว่าภาครัฐยังสนับสนุนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะนโยบายความปลอดภัยข้อมูล และการพัฒนาความพร้อมของทักษะแรงงาน
4. การมีมุมมองที่ต่างกันระหว่างธุรกิจที่เคยและไม่เคยใช้ Gen AI : สำหรับธุรกิจที่ไม่เคยใช้ Gen AI ส่วนมากเพราะยังขาดความพร้อมด้านทักษะแรงงานและความเข้าใจในเทคโนโลยี รวมมีความกังวลต่อความเสี่ยงจากการใช้งาน เช่น ความปลอดภัยของข้อมูล และเสถียรภาพของระบบ จึงคาดหวังให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการวางกฎเกณฑ์การและขอบเขตการใช้งานให้ชัดเจน สำหรับธุรกิจที่ใช้งาน Gen AI อยู่แล้ว เห็นถึงความจำเป็นต่อการปรับตัวภายใต้ Digital transformation จึงค่อนข้างเชื่อมั่นในประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังมีความกังวลการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายใหญ่
นัยของการใช้งาน Generative AI ต่อการยกศักยภาพ SMEs ไทย
ผลสำรวจผู้ประกอบการ SMEs ของ SCB EIC ข้างต้น สะท้อนความพร้อมและความสามารถในการปรับตัวของ SMEs เพื่อรองรับการใช้งาน Gen AI ที่ยังมีข้อจำกัด และต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะใช้ประโยชน์ภายในธุรกิจได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีแนวนโยบายส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและความมั่นใจในการใช้งาน Gen AI โดยเฉพาะการสร้างระบบนิเวศที่จะเอื้อให้ธุรกิจ SMEs สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและลดต้นทุนการเข้าถึงได้ ขณะที่ธุรกิจ SMEs สามารถเร่งปรับตัวให้ใช้ประโยชน์ Gen AI ในเชิงธุรกิจได้มากขึ้น ภายใต้กระแสการปรับตัวทางธุรกิจต่อเทรนด์ใหม่ทางเทคโนโลยีนี้ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“การผสานระหว่างเทคโนโลยี Generative AI และนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะไม่เพียงแต่ช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ไทยสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจในโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยความสำเร็จในระยะยาวจะเกิดได้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ SMEs เองในการเปิดรับและใช้งานเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการวางแผนและการดำเนินการที่สอดคล้องกัน Generative AI จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ SMEs ไทยก้าวสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิ” (ย่อหน้าส่งท้าย created by ChatGPT)
Artificial Intelligence เส้นทางสู่การเพิ่มศักยภาพธุรกิจไทย
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI เป็นวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่มุ่งสร้างความฉลาดเทียมให้กับสิ่งไม่มีชีวิต โดยพัฒนาจากองค์ความรู้ด้านไอทีและวิศวกรรม มาผนวกเข้ากับองค์ความรู้อื่น ๆ เช่น ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา และชีววิทยา ให้สิ่งไม่มีชีวิตนั้น ๆ สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาแทนมนุษย์ได้ สำหรับ Generative AI หรือ “Gen AI” เป็น AI ที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถเฉพาะในการ “สร้างใหม่” จากชุดข้อมูลเดิมที่มีอยู่ โดยอาศัยอัลกอริทึมแบบ Generative model สามารถใช้งานได้หลากหลาย อาทิ ประมวลผลข้อความ สร้างภาพ สร้างวิดีโอเคลื่อนไหว สร้างเสียงเพลง และสร้างโคดเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Coding)
ในปัจจุบันมีการใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายทาง ทั้งการใช้งานในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ เช่น
1. การเกษตรแม่นยำ (Precision farming) สามารถเพิ่มผลผลิตได้ โดยใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการหว่านเมล็ดและปลูกต้นกล้าด้วยเทคโนโลยี AI และ Computer vision ซึ่งจะช่วยให้การเพาะปลูกรวดเร็ว แม่นยำ หรือการใช้โดรนและยูเอวี (Unmanned Aerial Vehicle : UAVs) ในกระบวนการเพาะปลูกจะช่วยลดเวลา หรือใช้เพิ่มสารอาหารให้พืช ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการเพาะปลูก หรือการใช้ระบบ IoT (Internet of Things) ตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อคำนวณการใช้น้ำให้กับพืชแต่ละชนิด ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียของน้ำได้ รวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ผลผลิต โดยใช้ Blockchain ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการผลิตอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิตได้
2. การผลิตโดยใช้หุ่นยนต์เป็นผู้ช่วย Collaborative robots (Cobots) ผลิตภาพของหุ่นยนต์จะเพิ่มขึ้นมากเมื่อได้ทำงานร่วมกับมนุษย์ เพราะจะช่วยลดข้อผิดพลาด ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รักษาเวลาส่งมอบ และเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการทำงาน ตลอดจนสามารถนำไปสู่การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive maintenance) ในรูปแบบ “รู้ก่อน ย่อมดีกว่า” ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ลดเวลาการหยุดเครื่องจักร ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ
3. การใช้หุ่นยนต์ในภาคบริการ เช่น เป็นพนักงานต้อนรับในรูปแบบ AI-enabled Chatbots หรือ Check-In ซึ่งจะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้เร็วและลดเวลารอคอย โดยอาศัยฐานข้อมูล อาทิ Frequently Asked Questions เพื่อเตรียมคำถามและคำตอบล่วงหน้า ซึ่งจะสามารถจัดเก็บข้อมูลเพื่อเข้าใจแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้า และให้บริการตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น
แม้การนำ AI มาปรับใช้ในกระบวนการผลิตจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน เพราะ AI ประเภทนี้สามารถเรียนรู้ได้จากแบบแผนในชุดข้อมูลเดิมเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถสร้างข้อมูลชุดใหม่ได้ จึงเกิดการพัฒนา Gen AI ขึ้น ให้สามารถเรียนรู้แบบแผนในชุดข้อมูลเดิมเพื่อนำไปสร้างข้อมูลชุดใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้ดีขึ้นได้
เทคโนโลยี Gen AI จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ChatGPT ที่บริษัท OpenAI พัฒนาขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2023 เพราะ Gen AI สามารถตอบคำถามทุกรูปแบบและทุกหัวข้อได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Gen AI รูปแบบอื่น ๆ ขึ้นอีก เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่น DALL-E ที่พัฒนาโดยบริษัท OpenAI สามารถสร้างรูปภาพตามคำสั่งของผู้ใช้งานได้ การพัฒนาเทคโนโลยี Gen AI ขึ้นมาในโลก จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน เช่น ภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคครัวเรือน สามารถประยุกต์ใช้ AI ได้อย่างกว้างขวาง เพื่อเพิ่มผลิตภาพการทำงานอย่างก้าวกระโดด และตอบโจทย์การใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้หลากหลาย
อย่างไรก็ดี แม้เทคโนโลยี Gen AI จะมีศักยภาพสูงในการนำไปใช้สร้างประโยชน์ต่อภาคส่วนต่าง ๆ แต่หากผู้ใช้ขาดความพร้อมในการใช้งานภายใต้องค์ประกอบแวดล้อมที่เหมาะสม การใช้งานเทคโนโลยีใหม่อาจได้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่หรือ SMEs จะมีพื้นฐานความพร้อมและข้อจำกัดในการใช้งาน AI แตกต่างกัน จึงมีความสามารถที่จะประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้แตกต่างกันด้วย
งานวิจัยนี้ต้องการศึกษาถึงศักยภาพและผลกระทบของเทคโนโลยี Gen AI ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ทั้งในระดับเศรษฐกิจมหภาคและระดับจุลภาคเพื่อประเมินความพร้อมของภาคธุรกิจไทย โดยเจาะลึกธุรกิจ SMEs รวมถึงความช่วยเหลือที่ SMEs ต้องการจากภาครัฐ เพื่อยกระดับให้ภาคธุรกิจไทยทั้งขนาดใหญ่และเล็ก สามารถนำเทคโนโลยีใหม่มาเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจได้ทั่วถึงมากขึ้น
Generative AI จะช่วยเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจได้แค่ไหน
การศึกษาประโยชน์ของ Gen AI ต่อเศรษฐกิจโดยรวม ประเมินจากมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่ได้จากการเพิ่มประสิทธิภาพปัจจัยการผลิต เช่น แรงงาน โดย Goldman Sachs Intelligence (2023) ประเมินว่า Gen AI จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจโลกได้มากกว่า 7% หรือราว 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 10 ปี ผ่านกระบวนการทำงานอัตโนมัติและการลดจำนวนชั่วโมงทำงานลงได้มากถึง 60-70% ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นได้ถึง 1.5% ภายใน 10 ปี สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาจะได้ประโยชน์มากสุดถึง 0.5%-0.9% ต่อปีภายในปี 2030 (รูปที่ 1)

Michael Chui et al. (2023) พบว่า 75% ของมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเกิดจากการประยุกต์ใช้ Gen AI เพิ่มผลิตภาพแรงงานในแต่ละสาขาธุรกิจ โดยเฉพาะ 4 ลักษณะงานนี้ ได้แก่
1. งานลูกค้าสัมพันธ์ ผ่านการสร้างโปรแกรม Chatbot สื่อสารกับลูกค้าได้คล้ายมนุษย์ หรือเป็นเครื่องมือช่วยให้พนักงานดูแลลูกค้าสัมพันธ์สามารถประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน
2. งานขายและการตลาด Gen AI สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อนสำหรับการออกแบบกลยุทธ์ด้านการตลาดและการขายที่มีประสิทธิภาพและตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้
3. งานออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ Gen AI ช่วยประมวลผลข้อมูลเพื่อใช้พัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ภายในบริษัท และช่วยออกแบบโครงสร้างการเขียนคำสั่งสำหรับการตรวจสอบรักษาคุณภาพของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
4. งานวิจัยและพัฒนา Gen AI สามารถช่วยค้นคว้าและพัฒนางานวิจัย การออกแบบ และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้

สำหรับประเทศไทย SCB EIC ศึกษาผลกระทบของ Gen AI ต่อการเพิ่มมูลค่า GDP ไทยผ่าน 3 ขั้นตอน ได้แก่
1) ประมาณการปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจในระดับบริษัทและระดับอุตสาหกรรมที่จะเชื่อมโยงกับการนำเทคโนโลยี Gen AI มาใช้ประโยชน์ได้ 2) คำนวณผลิตภาพรวม (Total factor productivity) ในระดับบริษัทและระดับอุตสาหกรรม และ 3) ประเมินผลบวกต่อมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับอุตสาหกรรมและระดับประเทศของไทย โดยอ้างอิงจากผลการศึกษาของ Michael Chui et al. (2023) ทั้งนี้งานศึกษาในส่วนนี้ใช้ฐานข้อมูลระดับธุรกิจรวม 17,610 บริษัท จากข้อมูลสำมะโนอุตสาหกรรม ธุรกิจการค้า และการบริการของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2022 และข้อมูลบัญชีประชาชาติของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปี 2022
ผลศึกษาประโยชน์ของ Gen AI ต่อ GDP ไทย สรุปได้ 3 ประเด็น ดังนี้
1) หากประเทศไทยสามารถปลดล็อกข้อจำกัดของทุกภาคส่วนให้พร้อมใช้งาน Gen AI ได้ เทคโนโลยีใหม่นี้มีศักยภาพที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทยได้ถึง 5.9% และเพิ่มผลิตภาพแรงงานไทยมากถึง 7.3% ภายในปี 2030 โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การผลิตอาหาร และการผลิตปิโตรเลียม (รูปที่ 2)
2) สัดส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Gen AI ต่อรายได้กับผลิตภาพรวม (Total Factor Productivity : TFP) มีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับอุตสาหกรรม (TSIC 2-digit) ดังรูปที่ 3 โดยโครงสร้างค่าใช้จ่ายทางธุรกิจใน 4 ลักษณะงานที่จะเอื้อให้เกิดการใช้ประโยชน์ Gen AI ได้มาก ได้แก่ การขายและการตลาด การวิจัยและพัฒนา ระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการใช้งานโทรคมนาคม

3) ภาคธุรกิจไทยที่มีสัดส่วนโครงสร้างค่าใช้จ่ายเอื้อให้เกิดการใช้ประโยชน์ Gen AI สูง พบทั้งในภาคอุตสาหกรรมและบริการ สำหรับภาคอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจอันดับต้น ๆ ได้แก่ กระดาษ เคมี เวชภัณฑ์ วิศวกรรมและสถาปัตยกรรม (รูปที่ 4) สำหรับภาคบริการ กลุ่มธุรกิจอันดับต้น ๆ ได้แก่ โรงแรม ภาพยนตร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การเงิน วิจัยการตลาด ท่องเที่ยว การศึกษา สาธารณสุขและการกีฬา (รูปที่ 5)

การใช้งาน Gen AI ในภาคธุรกิจแต่ละสาขานั้นจะเป็นประโยชน์มากต่อแรงงานและผู้ประกอบการ สำหรับแรงงาน แม้จะไม่เคยมีพื้นฐานความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มาก่อน ก็จะสามารถใช้งาน AI สร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ขึ้นมาได้จากชุดข้อมูลเดิมที่มี และส่งให้ Gen AI เรียนรู้และสร้างเนื้อหาใหม่มาให้ในชั้นต้น ทั้งในส่วนของงานที่อาศัยทักษะทั่วไปและงานที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจะสามารถใช้ประโยชน์ Gen AI ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรรองรับ ทั้งในส่วนของการตลาด การวิจัยและพัฒนา การจัดการข้อมูลและประมวลผลบนระบบคลาวด์เทคโนโลยี ตลอดจนการใช้งานด้านโทรคมนาคมอย่างเป็นระบบ ในช่วงที่ผ่านมาสถานประกอบการขนาดใหญ่จำนวนมากเริ่มใช้งาน Gen AI ในวงกว้างแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการ SMEs มีทรัพยากรจำกัดในการลงทุนสร้างความพร้อมดังกล่าว ตลอดจนอาจมีความกังวลต่อการใช้งานเทคโนโลยี การเข้าถึงและการใช้งาน Gen AI
งานศึกษานี้จะมุ่งทำความเข้าใจการเตรียมพร้อมและข้อจำกัดของ SMEs ไทย ซึ่งนับเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาครัฐจะช่วยปลดล็อกได้ เพื่อให้ภาคธุรกิจไทยได้รับผลประโยชน์จาก Gen AI ได้ทั่วถึงมากขึ้น
