
สัญญาณเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น จากข้อมูลการส่งออก การท่องเที่ยว การยื่นขอลงทุนของต่างชาติ และดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงมาแล้ว 2 ครั้ง รวม 0.50%
…
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร แจ้งผลการจัดเก็บรายได้เดือน ก.พ. 68 ได้ 149,117 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 5,790 ล้านบาท และสูงกว่าประมาณการ 1,088 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณารายได้สะสม 5 เดือน (ต.ค. 67 - ก.พ. 68) กรมสรรพากรจัดเก็บได้ 795,334 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 29,216 ล้านบาท และสูงกว่าประมาณการ 8,676 ล้านบาท
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้เดือน ก.พ. 68 ตัวขับเคลื่อนหลักยังคงเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.8 นอกจากนี้ ยังมีตัวขับเคลื่อนเพิ่มเติมคือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.9
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 68 นายพิชัย ชุนหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2568 ว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท เฟสที่ 3 แต่อยากให้เรียกว่าเฟส 1 มากกว่า เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ใช้ระบบดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะจ่ายในปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ปี 68 ให้กับกลุ่มอายุ 16 - 20 ปี ที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีข้อดีเยอะ สามารถกำหนดการใช้จ่ายได้ทั้งเรื่องร้านค้า พื้นที่ ทำให้การเติมเงินสู่ระบบเป็นไปตามที่ต้องการ ให้รู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศเป็นอย่างไร เพื่อนำไปวางแผนอื่น ๆ ได้อีก ถือเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การใช้จ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับกลุ่มอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน ครั้งนี้ รัฐบาลได้ตัดเงื่อนไขเดิมออก เช่น รายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออกทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น โดยเปิดให้ใช้จ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้าได้
รวมทั้งยังเปิดให้ร้านค้าทุกประเภทสามารถถอนเงินสดออกมาได้อีกด้วย ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่เสียภาษี ส่วนระยะในการใช้ยังคงเป็นภายในอำเภออยู่ ขั้นตอนต่อจากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเริ่มต้นโครงการให้เร็วที่สุด น่าจะไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปีนี้
มั่นใจว่าการจ่ายเงินรอบนี้จะมีประสิทธิภาพกว่าเดิม เพราะใช้กลไกดิจิทัลวอลเล็ตจะสามารถกำกับเม็ดเงินไปยังจุดที่ต้องการได้มากขึ้น และการจ่ายเงินให้กับกลุ่ม 16-20 ปี จะไปช่วยเติมเงินแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ และเป็นการวางโครงสร้างรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต
โดยคนกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องนำไปจ่ายค่าเทอมและถือเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการ และจากการวิเคราะห์ เพราะว่าอายุช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด ส่วนกลุ่มที่มีอายุ 20 - 59 ปี ยังมีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท
แน่นอน เพราะมีเม็ดเงินรอไว้อยู่ 1.5 แสนล้านบาท กรอบระยะเวลาในการใช้เงินก็เหลือไตรมาสเดียว ดังนั้นกลุ่มถัดไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

ขณะที่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า รัฐเลือกแจกเงินให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี ไม่ใช่เพราะเป็นกลุ่มที่มีน้อย แต่ประเมินตามภาวะเศรษฐกิจ ในปลายไตรมาสที่ 2 และ 3 เป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยว จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ยืนยันว่ารัฐบาลมีเงินสำรองไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ 1.5 แสนล้านบาท และจะใช้เงินอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งกลุ่ม 16-20 ปี มีอยู่ 2.7 ล้านคน กลุ่มนี้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสูง จึงมีความสามารถในการใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มอื่น และด้วยจำนวนเม็ดเงินที่เหมาะสมและกลุ่มที่เหมาะสม รัฐบาลจึงเลือกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกในการจ่ายเงิน 10,000 บาท
ส่วน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ “Q&A Digital Wallet เฟส 3”
Q : แจกเงินไปแล้ว 2 รอบ แต่ไม่ส่งผลต่อการบริโภค หรือ GDP ไม่ใช่เหรอ
A : เป้าหมาย Digital Wallet ไม่ใช่แค่แจกเงินเพื่อกระตุ้น GDP ทันที แต่เพื่อวางโครงสร้างดิจิทัลระยะยาว สร้างฐานข้อมูลคนไทยให้รัฐใช้วางแผนนโยบาย รวมถึงช่วยลดหนี้ครัวเรือนในระยะยาว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น เร่งการลงทุน ส่งเสริมส่งออก และการท่องเที่ยวควบคู่กันด้วย โครงการนี้ยังเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำอีกด้วย ดูได้จากตัวเลขที่ทาง World Bank ได้รายงานมา
Q : ระบบยังไม่พร้อมหรือไม่
A : แอปพลิเคชัน Digital Wallet โดย DGA พัฒนาเสร็จแล้ว กำลังทดสอบระบบ และเตรียมใช้จริงไตรมาส 2-3 แม้มีความล่าช้าจากการบริหารจัดการภายใน แต่ปัจจุบันได้ปรับเงื่อนไขให้ง่ายขึ้น เช่น ร้านค้ารายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษีสามารถถอนเงินสดได้ และลดความซับซ้อนของเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
Q : งบประมาณไม่เพียงพอและการตัดสิทธิผู้ได้รับเงินใช่มั้ย
A : งบประมาณมีจำกัด จึงกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะก่อน
รอบแรกเน้นกลุ่มวัยรุ่น 16-20 ปี ใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีความพร้อมด้านดิจิทัล และอยู่ในช่วงเปิดเทอม กลุ่มอื่นๆ จะทยอยรับสิทธิ์หลังจากประเมินผลรอบแรก และงบประมาณเพิ่มเติม

ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีงบประมาณรองรับและมีมาตรการเสริมเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคต เงินอีกแสนล้านที่รัฐบาลเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องถูกใช้ในจังหวะที่เหมาะสม เช่น ไตรมาสที่ 3 หรือไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจในภาพรวมค่อนข้างซบเซา
เสือออนไลน์