ปลายสัปดาห์นี้ “2 พิชัย” จะบินไปเจรจาเกี่ยวกับกำแพงภาษีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมคณะผู้เจรจา จะเดินทางล่วงหน้า ไปที่นครซีแอตเทิล สหรัฐฯ ในวันที่ 17 เม.ย. 68 เพื่อพบกับนักธุรกิจกลุ่มต่างๆ
จากนั้นวันที่ 20 เม.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ จะไปร่วมคณะเพื่อเป็น “ทีมไทยแลนด์” และทั้งคณะจะเดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เตรียมเข้าพบกับผู้แทนรัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่า จะเป็นวันที่ 21 เม.ย. 68 รัฐบาลไทยพร้อมพูดคุย ข้อมูลทั้งหมดถูกรวบรวมมาตั้งแต่เดือน ม.ค. 68 ผ่านการประชุมหารือทั้งรัฐบาลและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน อาทิ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย ผู้แทนบริษัทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคการเกษตร ภายใต้ยุทธศาสตร์การเจรจาที่เน้นสร้าง ความสมดุลทางการค้าและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้วย 5 หลักการ คือ..
1. การเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ไทยและสหรัฐฯ เกื้อหนุนกัน
2. การเปิดตลาดและลดภาษี ลดอุปสรรคทางการค้าตาม National Trade Estimate 2025 ของสหรัฐฯ
3. การเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ ในสินค้าที่ไทยจำเป็นต้องใช้ ไทยเตรียมพิจารณานำเข้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบที่ภาคอุตสาหกรรมต้องใช้ แต่ผลิตไม่ได้เพียงพอ
4. การตรวจสอบเพิ่ม ความเข้มงวดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ป้องกันการสวมสิทธิ์จากประเทศที่สาม
และ 5. การส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ นอกจากนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ แล้ว ไทยยังมีแผนผลักดันให้ภาคเอกชนไทยลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปในสหรัฐฯ โดยใช้วัตถุดิบ ท้องถิ่น ผลิตสินค้าส่งออกจากฐานการผลิตในอเมริกาไปยังตลาดโลก
แต่ที่เด็ด! ไปกว่านั้นคือวันที่ 17 เม.ย. 68 เวลาประมาณ 14.00 น. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย และประธานอาเซียน จะเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) กับรัฐบาล
โดยรายการนี้ มีการชวนที่ปรึกษาประธานอาเซียนจากประเทศต่างๆ หลายคน มาพูดคุยปัญหาภายในอาเซียน ในเรื่องฐานกำลังผลิตภายในอาเซียน การผนึกกำลังอาเซียนเพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการพูดคุยกับสหรัฐฯมากขึ้น
รวมถึงการพูดคุยเรื่องสันติภาพในประเทศเมียนมา กับ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่จะเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
นายอันวาร์จะหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในมาตรการกำแพงภาษี ในลักษณะว่ากลุ่มประเทศอาเซียนที่มีประชากรรวมกันประมาณ 700 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นประเทศต้องการการพัฒนา ต้องการเม็ดเงินจากประเทศที่พัฒนาแล้วอีกจำนวนมากที่จะทำให้อาเซียนแข็งแรง
ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่ ดร.ทักษิณตอบคำถามสื่อฯ ว่า การเตรียมไปพูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯ แสดงว่า เดาใจนายโดนัลด์ ทรัมป์ และคนรอบตัวได้แล้วใช่หรือไม่ ว่าส่วนใหญ่รู้จักกันดี คนรอบตัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยเจอกันมาก่อน ดังนั้นการเจรจาของทีมไทยแลนด์น่าจะไหว คงไม่ทำให้ประเทศไทยลำบาก
“เสือออนไลน์” มองการการหารือระหว่างนายกฯ อันวาร์ นายกฯ แพทองธาร พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ดร.ทักษิณ รวมทั้งที่ปรึกษาประธานอาเซียนจากประเทศต่างๆ ในวันที่ 17 เม.ย. 68 ในประเทศไทย จะเป็นที่สนใจของชาวโลก เนื่องจากอาเซียนจะผนึกกำลังกันเพื่อให้มีพลังและมีบทบาทในการเจรจากับสหรัฐฯ รวมทั้งการหาทางออกให้กับประเทศเมียนมาด้วย
โดยมีคีย์แมนคนสำคัญ คือ “ทักษิณ” งานนี้นายกฯ อันวาร์ ในฐานะประธานอาเซียน ต้องเดินทางมาไทยพร้อมกับที่ปรึกษาประธานอาเซียนจากประเทศต่างๆ ก็เพราะที่ปรึกษาอาเซียนอยู่ในไทย และถ้าจะออกไปให้คำปรึกษาแต่ละครั้ง ต้องได้ขออนุญาตจากศาลเพื่อไปต่างประเทศ เขาจึงพากันมาหา “ทักษิณ” ซึ่งสะดวกกว่าการให้ “ทักษิณ” บินออกไปหาพวกเขา
แสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญต่อประสบการณ์และคอนเนคชั่นของที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่ชื่อ “ทักษิณ” เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาหาทางทำอาเซียนให้เป็นปึกแผ่น เพื่อให้มีพลังและบทบาทในการเจรจากับสหรัฐฯ
เสือออนไลน์
