
"ไอซ์-รักชนก ศรีนอก" สส.พรรคประชาชน โพสต์ FB ล่าสุดว่า ข้อเท็จจริงเรื่องคุณสมบัติของประธาน กสทช. ชัดเจนจนจะทิ่มตาบอด แต่ก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน กสทช. ได้อย่างเหนียวแน่นขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร?
"ต้องถามแล้วว่าใครคือเทวดาประจำตัวที่คอยคุ้มครองนายสรณ ประธาน กสทช. ที่เป็นเสียงชี้ขาดการอนุญาตให้เกิดการควบรวม TRUE-DTAC ที่ทำให้ผู้ใช้บริการมือถือและประเทศชาติเสียประโยชน์มหาศาล + ยังมีคำสั่งยกเลิกการสอบสวนกรณี กสทช. อนุมัติเงินกองทุน กทปส. 600 ล้าน ไปสนับสนุนลิขสิทธิ์บอลโลก ซึ่งเป็นที่กังขากับสาธารณะว่า มีความตั้งใจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน TRUE หรือไม่? TRUE ออกแค่ 300 ล้าน แต่ได้นัดสำคัญไปหมด เจ้าอื่นต้องจอดำ"
ขนาดที่ประชาชน สำนักข่าว นักวิชาการ สส. หรือแม้กระทั่ง สว. ที่เลือกนายสรณ มากับมือ ยังตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ และหลังสอบสวน ได้มีการทำรายงานสอบข้อเท็จจริงจนได้ความว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม รวมถึงกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนสิ่งที่ห้าม หากตีความตามกฎหมายต้องหลุดจากการเป็นกรรมการ กสทช. หรือเรียกได้ว่า ไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ!

แต่จนแล้วจนรอดจนถึงวินาทีนี้ นายสรณ ก็ยังนั่งเป็นประธาน กสทช. แต่มันเป็นไปแล้ว เรื่องนี้ใหญ่มากเพราะกระทบผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะ กสทช. คือผู้กำกับดูแล “คลื่นความถี่” ซึ่งเป็นเงินแผ่นดินหลายหมื่นล้าน มันต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ถึงไม่มีใครทำอะไรคนๆ นี้ได้

ตาม พ.ร.บ.กสทช. นายกรัฐมนตรีคือผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. เป็นผู้ทูลเกล้าฯ คนที่ได้รับการคัดเลือก หากนายสรณขาดคุณสมบัติในการเป็นประธาน กสทช. ผู้ที่จะต้องทูลเกล้าฯ ให้ออกจากตำแหน่งก็คือนายก
"ดิฉันทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ดังนั้นต้องทำให้ทุกอย่างรัดกุมต้อง 100% ดังนั้น หากถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่านายสรณขาดคุณสมบัติจริง ๆ ไม่ได้กล่าวหากันไปเอง เพราะต่อให้แฟนบอลตะโกนทั้งสนามว่า “จารย์ มันฟาวล์” แต่คนเป่าฟาวล์จริงๆ ไม่ใช่แฟนบอล แต่คือ “กรรมการ”
แล้วใครคือกรรมการในกรณีนี้ ? ใครจะเป็นผู้มีอำนาจชี้ว่านายสรณ ขาดคุณสมบัติ เพื่อส่งไม้ต่อให้นายกฯ ถ้าเป็น พ.ร.บ. อื่นๆ จะกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.นั้นๆ เช่น พ.ร.บ.ปปช. กำหนดให้คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัยว่าใครขาดคุณสมบัติ ดังนั้นเราต้องไปดูที่ พ.ร.บ. กสทช. ว่ากำหนดให้ใครเป็นผู้ชี้ ซึ่งหลังจากนั่งอ่าน นอนอ่านก็พบว่า พ.ร.บ.กสทช. ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน ช่องว่างทางกฎหมายหน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง
แต่เป็นคนไทยต้องไม่ยอมแพ้ ต่อให้ พ.ร.บ.กสทช. ไม่ได้เขียนไว้มันก็ต้องมีสักหนทางสิ ขาดคุณสมบัติชัดเจนขนาดนี้จะให้รอดอยู่จนครบวาระไปเฉย ๆ ได้ยังไง เงินเดือน 360,000 ปีละ 4 ล้านกว่า วาระ 6 ปี ไหนจะเบี้ยประชุม เดินทางดูงานต่างประเทศ เบี้ยเลี้ยงอีก รวมๆ แล้วหลายสิบล้าน จะให้อยู่ไปทั้งๆ ที่ขาดคุณสมบัติไม่ได้!
แล้วก็นึกขึ้นได้ ประเทศเรามีคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐอยู่ ถ้าไม่มีผู้ชี้ขาด หน่วยงานรัฐสามารถทำเรื่องไปถามกฤษฎีกาได้ แต่คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ถาม คนที่มีสิทธิ์ถามได้กรณีนี้มีเพียง กสทช.

เยี่ยม! งั้นก็ให้ กสทช. ถามกฤษฎีกาไปเลยว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติมั้ยจะได้จบ "แต่ที่นี่ประเทศไทยอะค่ะจะส่งเรื่องไปถามกฤษฎีกาก็ต้องถามบอร์ด กสทช. ว่ามีมติไหม การจะมีมติก็ต้องเอาเรื่องเข้าที่ประชุม แล้วใครคุมการนำวาระเข้าที่ประชุมก็ประธาน กสทช. นายสรณนี่ไง! แล้วนายสรณ จะอยากส่งเรื่องถามให้ตัวเองหลุดจากตำแหน่งไหม"
แต่เป็นคนไทยต้องไม่ยอมแพ้ นอกจาก นายสรณแล้วมีใครถามได้อีกที่ถามได้ ใช่เรามีสำนักงาน กสทช. อ้าวแล้วใครคุมสำนักงาน กสทช. คำตอบ ก็เลขาธิการ กสทช. ไง! แต่เลขาธิการ กสทช. คือใคร? อนิจจาเวรกรรมของคนไทย ตอนนี้ยังไม่มีเลขาตัวจริง มีแต่รักษาการเลขาธิการ กสทช. คือนายไตรรัตน์ จากโพสต์ที่แล้ว...

"ทำไมนายไตรรัตน์ไม่หลุดจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. สักที? ทั้งที่เคยถูกเสนอชื่อแล้วไม่ผ่าน บอร์ดทำเรื่องปลดนายไตรรัตน์ เพราะเกี่ยวพันกับการเอื้อประโยชน์กลุ่มทรู 600 ล้าน ก็แล้ว แต่นายสรณ ประธาน กสทช. ก็ไม่ยอมเซ็นปลด ท่องคาถา กูไม่เซ็นใครจะทำไม!"
ก็เข้าใจได้ นายสรณ เซ็นปลดก็โง่แล้ว เพราะขืนปลดนายไตรรัตน์ไปแล้วได้รักษาการเลขาฯ คนใหม่มา แล้วมันไม่อยู่ข้างเดียวกันทำเรื่องไปถามกฤษฎีกาว่า นายสรณ ขาดคุณสมบัติมั้ยก็ซวยพอดี แล้วถ้านายสรณ ซวย นายไตรรัตน์ก็ซวยไปด้วย เมื่อ 2 อำนาจใหญ่ใน กสทช. - ประธานกับรักษาการเลขาธิการกอดคอรักกันแนบแน่นแบบนี้ ใครจะทำอะไรได้
คนไทยต้องสู้ภาค 3 ประธาน กสทช. ไม่ทำเรื่องถามกฤษฎีกา นายไตรรัตน์ ที่เป็นรักษาการเลขาธิการก็ไม่ทำเรื่องถาม แล้วยังเหลือใครที่ถามได้อีกบ้าง คำตอบคือ “นายกฯ และคณะรัฐมนตรี”

คุณแพทองธาร คุณรู้ตัวใช่มั้ยว่าตัวเองปลดล็อคเรื่องนี้ได้ หากนายกและคณะรัฐมนตรี ตั้งใจที่จะแก้ไขดำให้เป็นขาว แก้เรื่องผิดให้เป็นถูก ก็ทำหนังสือสอบถามกฤษฎีกา เซ็นกริ๊กเดียวรับรองว่าเรื่องจบได้เร็วแน่นอน แต่นี่ผ่านมาสามชาติเศษแล้ว เรื่องก็ยังเงียบ หรือฉีกทิ้งลงถังขยะไปหมดแล้ว เพราะ "ไม่อยากถาม"
ทำไม?
เพราะถ้ากฤษฎีกาชี้ลงมา นายกแพทองธารไม่มีทางเลือก ต้องนำเรื่องกราบบังคมทูลเพื่อให้นายสรณ พ้นจากตำแหน่งสถานเดียว แต่หากนายกทราบแล้ว ไม่ดำเนินอะไรจะเข้าข่ายกระทำผิด ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่?
ถึง นายก โปรดพิจารณา แล้วทำอะไรสักอย่างได้แล้ว