นับหนึ่งกับมิติใหม่พลิกโฉมหน้าประเทศไทย กับความร่วมมือ 30 องค์กร “ภาครัฐ-เอกชน-สถาบันการเงิน-สถาบันการศึกษา” ผนึกทุน 640 ล้านบาท สร้าง InnoSpace (Thailand) ทำหน้าที่สร้างและพัฒนา Startup ไทย เชื่อมโยงสู่เวทีโลก ตั้งเป้าดัน Startup ไทย ขึ้นชั้น Unicorn..
“ที่ผ่านมา การส่งเสริมและพัฒนา Startup ไทย มีอุปสรรคในหลายด้าน และขาดการเติมเต็มระบบ นิเวศของการสร้างและพัฒนา Startup ไม่เหมือนกับต่างประเทศ ที่มีองค์กรเฉพาะด้านคอยดูแล เช่นในฮ่องกง ที่มี HK Cyberport ที่ดูแลการส่งเสริมและพัฒนา Startup อย่างจริงจัง ดังนั้น ประเทศไทย จึงต้องมีหน่วยงานขับเคลื่อนในรูปแบบเอกชน ที่สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการทุกภาคส่วน ด้วยการผลักดันจากหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้น InnoSpace (Thailand) จึงเป็นคำตอบของกลไกในการส่งเสริม และสร้าง Startup ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นทั้งในภาคการผลิต (Real Sector) เช่น การเชื่อมโยงภาคการเกษตรสู่ เกษตรอุตสาหกรรม, ด้านการบิน, ด้านโทรคมนาคม และภาคบริการ (Service Sector) โดยให้เหมาะสมกับ อุตสาหกรรมเป้าหมาย”
ข้างต้นคือสิ่งที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเอาไว้ในวันที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และสถาบันการเงินชั้นนำจำนวนมาก มารวมตัวกัน เพื่อลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรด้านการลงทุน การส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ภายใต้ชื่อ InnoSpace (Thailand)
และนำไปสู่ความเชื่อมั่นที่ว่า...จะก่อให้เกิดการดำเนินงานที่คล่องตัว และเกิดความร่วมมือในการลงทุน เพื่อกระตุ้นและสนับสนุนให้ Startup ไทย สามารถพัฒนาและเชื่อมโยงไปสู่เวทีระหว่างประเทศได้ ซึ่งจะเป็นกลไกที่ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของไทยมีการ เติบโตที่ดีขึ้นและนาพาประเทศไทยก้าวสู่ Innovation-driven Economy ตามที่มุ่งหวังไว้
รองนายกฯ ”สมคิด” มองว่า InnoSpace (Thailand) ซึ่งจะจัดตั้งอยู่ที่ VISTEC ใน EECi เพื่อใช้เป็นพื้นที่นำร่อง ด้าน “Smart City” ในการสร้าง Innovation Platform และจะช่วยให้เกิดแหล่งรวมของเทคโนโลยี งานวิจัย นักลงทุน และ Startup ที่มีศักยภาพ อีกทั้งโครงการ EEC ยังเป็นโครงการที่สำคัญ เป็นประตูสู่ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และภูมิภาคอาเซียน เป็นข้อต่อสู่ Greater Bay Area ของประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ Startup ไทย มีโอกาสก้าวไกลสู่นานาชาติได้
“เพื่อให้การดำเนินงาน InnoSpace (Thailand) เดินหน้าไปได้ จะต้องมีเสาหลัก ที่แข็งแรง ทั้งสถาบันการศึกษา ที่จะเป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญและผลงานวิจัย สถาบันการเงิน เพื่อเชื่อมโยงแหล่งเงินทุน และการเร่งเข้าสู่ธุรกิจ รวมถึงภาคเอกชน ที่จะให้การสนับสนุนทั้งด้านการเงิน ความเชี่ยวชาญ และการลงทุนใน Startup ที่มี ศักยภาพ และหน่วยงานภาครัฐ ให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนในเชิงนโยบายและมาตรการสนับสนุนต่างๆ” รองนายกฯ ย้ำ!
สำหรับ InnoSpace (Thailand) นั้น ถึงตอนนี้ ได้รับความร่วมมือจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนถึง 30 องค์กร ที่ร่วมลงขันเป็นวงเงินสูงถึง 640 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นมา เป้าหมายก็เพื่อ “ปั้น” Startup ไทย ในกลุ่ม Deep Tech สู่เวทีโลกนั่นเอง
ทั้งนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวและมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ บนฐานของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีกลุ่ม Startup เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ และมีแพลทฟอร์มกลางอย่าง InnoSpace (Thailand) คอยทำหน้าที่สร้างและพัฒนา Startup เชื่อมโยงสู่เวทีโลก
ที่ผ่านมา InnoSpace (Thailand) วางแนวทางสนับสนุนกลุ่ม Startup ไทยให้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ จึงได้ยึดโยงการทำงานเข้ากับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ของจีน โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับพันธมิตรต่างประเทศจากฮ่องกง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย HKTDC, HPA และ HK Cybersport เพื่อช่วยบ่มเพาะธุรกิจ Startup ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการ อันจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรม และ Startup ของอาเซียน
“เทวินทร์ วงศ์วานิช” ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดตั้ง บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด และได้ลงนาม MOU กับภาคีเครือข่ายองค์กรภาครัฐ-เอกชน สถาบันการเงิน และสถาบันการศึกษา รวม 30 องค์กร เสริมความแข็งแกร่งในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) เพื่อสร้างและพัฒนา Startup ตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่ระดับ Pre-Seed ไปจนถึงขั้น Unicorn (Startup ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ) ในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสามารถใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่เรียกว่า Deep Technology และผลักดันให้ InnoSpace (Thailand) เป็น National Startup Platform ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนากลุ่ม Startup ไทย อย่างครบวงจร ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว โดยอาศัยพันธมิตรที่มีบริการเทคโนโลยี มีเครื่องมือล้ำสมัย และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมให้คำแนะนำแก่กลุ่ม Startup ของไทย
ด้าน ”กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า InnoSpace (Thailand) จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการสร้างและพัฒนา Startup ไทย โดยการเชิญชวนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับด้านต่างๆ มารับฟังแผนธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้เลือกลงทุนใน Startup แต่ละรายได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่าน InnoSpace (Thailand) ทำให้เกิดความร่วมมือในทุกภาคส่วน โดยยอมรับว่าผู้ประกอบการของไทยมีไอเดียที่ดีแต่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ทำให้ต้องมีหน่วยงานเข้ามาให้คำแนะนำ พัฒนา แก้ไขปัญหา และค้นหาศักยภาพ (Coaching) ให้แก่ผู้ประกอบการให้สามารถขยายธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต เพราะการมีพันธมิตรที่มีความเก่งเฉพาะด้านที่จะเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกันได้ และที่สำคัญยังทำให้รู้ว่าแต่ละหน่วยงานมีเครือข่ายการพัฒนา Startup อย่างไร
โดยขณะนี้ มีหน่วยงานพันธมิตรทั้ง 30 องค์กร ได้แสดงเจตจำนงให้การสนับสนุนเงินทุนรวมแล้วกว่า 640 ล้านบาท อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุนรายละ 100 ล้านบาท
ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ รายละ 50 ล้านบาท, เครือสหพัฒน์, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บางกอกแอร์เวย์), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) รายละ 30 ล้านบาท, โรงพยาบาลกรุงเทพ สนับสนุน 20 ล้านบาท ส่วนพันธมิตรรายอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติวงเงิน โดยในช่วงแรกอินโนสเปซ (ประเทศไทย) จะระดมเงินทุน 125 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินงานเบื้องต้น
ทั้งนี้ สำนักงานของ InnoSpace (Thailand) จะตั้งอยู่ในสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) อ.วังจันทร์ จ.ระยอง พร้อมตั้งเป้าหมายในปีนี้ (2562) จะสามารถสร้างสตาร์ทอัพได้ไม่ต่ำกว่า 50 ราย และจะคัดเลือก Startup ที่มีศักยภาพโดดเด่นไปนำเสนอแผนธุรกิจ (Pitch) ในงานที่จัดโดย Cyberport ประเทศฮ่องกงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นเวที Pitching ยิ่งใหญ่ระดับโลก