กรมธนารักษ์ จัดทำโครงการ “ทำชุมชนให้เป็นที่ประชุมในที่ราชพัสดุ” และการจัดพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อจำหน่ายสินค้าชุมชน สอดคล้องนโยบายรัฐบาล ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สร้างรายได้ และความเจริญความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นประชาชนในพื้นที่ ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาภาคการผลิต การบริการให้สามารถแข่งขันได้ เกิดความยั่งยืน ประชาชน มีคุณภาพชีวิต และมีรายได้ที่ดีขึ้นผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (7 ตุลาคม 2562) นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ จัดทำโครงการ “ทำชุมชนให้เป็นที่ประชุมในที่ราชพัสดุ” และการจัดพื้นที่ราชพัสดุเพื่อจำหน่ายสินค้าชุมชน ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และสอดคล้องตามนโยบายนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562 คณะผู้บริหารกรมธนารักษ์ และคณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ (คบจ.) จะร่วมประชุมหารือ เพื่อหาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สร้างอาชีพใหม่ๆ และจัดหาพื้นที่ตลาดใหม่ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในชุมชน พร้อมทั้งในวันจัดประชุมให้มีตลาดชุมชนในพื้นที่นั้นๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อโอกาสในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความสามารถและความเข้มแข็งของชุมชน โดยนำร่องในที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กส.63 ตำบลหนองกุงศรี อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ เนื้อที่ประมาณ1-1-78 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างจากส่วนราชการ ส่งคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ เดิมใช้ในราชการเป็นศูนย์มาเลเรีย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และเป็นช่องทางสร้างรายได้ในชุมชน โดยการขายสินค้าในชุมชน ทั้งนี้ ครอบครัวและลูกหลานยังอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องแข่งขันนำผลิตภัณฑ์ออกไป ขายนอกชุมชน และใช้จ่ายเงินในทุกกิจกรรมของชุมชน ซึ่งรายได้จะกระจายอยู่กับคนในชุมชน ทุกคนมีความสุข เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน (Strength with in) และเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง อันจะส่งผลไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยกรมธนารักษ์จะดำเนินการจัดสรรพื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพและเหมาะสม สำหรับสนับสนุนโครงการดังกล่าวต่อไป