โครงการ OUR Khung BangKachao โชว์ผลงาน 1 ปี กับการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุ้งบางกะเจ้า มุ่งสานพลังต่อเนื่องรักษาสิ่งแวดล้อม ชุมชนและเศรษฐกิจยั่งยืนพัฒนา “พื้นที่สีเขียวควบคู่กับเศรษฐกิจเติบโต” ยกระดับคุณภาพชีวิต วิถีชุมชน และสิ่งแวดล้อมใน 5 ปี ผ่านกระบวนการทำงานทั้ง 6 ด้าน ภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน ให้เกียรติเป็นประธานงานแถลงข่าว “1 ปี แห่งการขับเคลื่อนงาน และก้าวต่อไปของการสานพลังโครงการ OUR Khung BangKachao” โดยมี นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และนายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมงาน ณ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ภายในงานมีการจัดเสวนาโชว์ไฮไลท์การดำเนินงานที่ผ่านมา 1 ปี พร้อมเล่าถึงแผนการพัฒนาคุ้งบางกะเจ้าในปี 2563 โดยมี นางสาวดวงพร เที่ยงวัฒนธรรม ประธานคณะทำงานด้านการพัฒนาพื้นที่สีเขียว นางสุพัตรา จิราธิวัฒน์ ประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมอาชีพ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ประธานคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นายกมลนัย ชัยเฉนียน ประธานคณะทำงานด้านการพัฒนาเยาวชน การศึกษา และวัฒนธรรม นายณัฐนันท์ ศิริรักษ์ ประธานคณะทำงานด้านการจัดการขยะ พร้อมด้วยนายสมาน เสถียรบุตร และนางอาภรณ์ พานทอง ผู้แทนคุ้งบางกะเจ้า ร่วมเสวนา
ดร.สุเมธฯ กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมาของโครงการ OUR Khung BangKachao มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำงานแบบสานพลังร่วมกันระหว่างองค์กรชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนาทั้ง 6 ด้าน รวมถึงมีคณะทำงานด้านอำนวยการและสื่อสารที่เชื่อมประสานทุกคณะ บูรณาการทำงานระหว่างกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายร่วม (Shared Goal) ในการมุ่งสู่การยกระดับและพัฒนาพื้นที่ ”คุ้งบางกะเจ้า” ให้เกิดความเจริญเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ หรือ Green Growth มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตเพิ่มขึ้น ภายใน 5 ปี (ปี 2562-2566)
ทุกวันนี้ จากความเจริญทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจที่ขาดการดูแลสิ่งแวดล้อม ทำให้เราเห็นผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมรอบตัวยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย เช่น การเกิดมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง PM 2.5 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่างๆ เป็นต้น ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญยิ่งในการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน สำหรับ 1 ปี ผ่านมา นอกจากคณะทำงานฯ ได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่คุ้งบางกะเจ้าในระยะแรกบนพื้นที่ราชพัสดุตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว มีพื้นที่นำร่องการจัดการน้ำในร่องสวน มีศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะ ยังมีการสร้างความเจริญเติบโตเพื่อผลทางด้านเศรษฐกิจและสังคมแก่ชาวคุ้งบางกะเจ้าอีกด้วย อาทิ เกษตรสีเขียว การพัฒนาตลาดเขียว การท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งมีการพัฒนากลุ่มเยาวชนให้เรียนรู้และเข้าใจงานด้านต่าง ๆ ของโครงการฯ ซึ่งผลการทำงานที่ผ่านมานี้ นับเป็นก้าวแรกของการพัฒนาที่มีความคืบหน้าต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2563 โครงการฯ ยังคงเดินหน้าการทำงานให้สำเร็จตามแผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อรักษาให้พื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” คงความเป็นอัตลักษณ์ที่ทั้งคนไทยและชาวโลกชื่นชม รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นสมบัติและความภาคภูมิใจของชุมชนบางกะเจ้า ที่คนไทยและชาวต่างประเทศอยากมาเยี่ยมเยือนตลอดไป
ผลการดำเนินงานในปี 2562 มีการพัฒนาทั้ง 6 ด้าน ดังนี้
1. คณะทำงานด้านการพัฒนาพื้นที่สีเขียว โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานฯ ร่วมมือกับคณะทำงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรที่ร่วมสนับสนุน ได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวคุ้งบางกะเจ้าบนพื้นที่ราชพัสดุระยะแรกแล้ว 107 แปลง 400 ไร่ ปลูกไม้ป่า ไม้ผล และไม้เศรษฐกิจระยะสั้น รวมกว่า 13,000 ต้น ต้นไม้เหล่านี้ใน 15 ปี จะสามารถดักจับฝุ่นและมลพิษทางอากาศได้กว่า 19,000 กิโลกรัม/ปี ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 23,000 ตันคาร์บอน/ปี และปล่อยออกซิเจนเพียงพอต่อความต้องการมนุษย์ได้ 27,000 คน/ปี
รวมทั้งยังได้มีการพัฒนาศักยภาพผู้นำคนรุ่นใหม่เพื่อบริหารจัดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยตนเองอย่างยั่งยืน โดยในปี 2562 การดำเนินงานสามารถสร้างประโยชน์ต่อชุมชนคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.2 ล้านบาท สำหรับแผนงานปี 2563 คณะทำงานมุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนแปลงราชพัสดุ 300 ไร่ และพื้นที่เกษตรส่วนบุคคล 300 ไร่ รวมเป็นพื้นที่ทั้งสิ้น 600 ไร่ และยังคงติดตามบำรุงรักษาพื้นที่ 400 ไร่ที่ดำเนินการไปแล้วต่อเนื่อง เพื่อมุ่งรักษาและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าครบ 6,000 ไร่ ภายใน 5 ปี ให้เป็นต้นแบบการจัดการพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนตลอดไป
2. คณะทำงานด้านส่งเสริมอาชีพ โดยมี บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เป็นประธานฯ มุ่งส่งเสริมการกระจายรายได้ให้กับชุมชน ต่อยอดการท่องเที่ยว และพัฒนาคุณภาพสินค้าพื้นถิ่นภายใต้อัตลักษณ์ชาวคุ้งบางกะเจ้า ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการพัฒนาโครงการตลาดเกษตรสีเขียวคุ้งบางกะเจ้า รวมทั้งคัดเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน และประชาสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ งานเปิดวิถีชุมชน...คนคุ้งบางกะเจ้า, งาน Taste of Our Khung BangKachao รวมทั้งนำพาชุมชนออกสู่สายตาชาวโลกในงานประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ในพื้นที่และให้ชุมชนรวมมากกว่า 1.5 ล้านบาท
3. คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เป็นประธานฯ ดำเนินการส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวคุณภาพ พัฒนากิจกรรมและเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างตำบล จำนวน 2 เส้นทาง รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวบนฐานอัตลักษณ์ของแต่ละตำบล เปิดตัวคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Kick off เที่ยวนี้ที่ไม่เหมือนเดิม...ที่คุ้งบางกะเจ้า) และเปิดตัว 6 เส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนของแต่ละตำบลให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้ สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยชุมชนในมุมมองใหม่ ๆ ของคุ้งบางกะเจ้า ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อขับเคลื่อนสู่การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4. คณะทำงานด้านการพัฒนาเยาวชน การศึกษา และวัฒนธรรม โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานฯ มุ่งเน้นการพัฒนาเยาวชนให้มีทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และเป็นคนดีในสังคม รวมถึงสร้างผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ ด้วยการพัฒนาศักยภาพเยาวชนทั้ง 5 ด้าน ผ่านกิจกรรมอาทิ โครงการ “ตะโกน โยน ยื่น” เด็กไทยไม่จมน้ำ โครงการเสริมทักษะการออม โครงการไฟไม่ไหม้ โครงการปราชญ์ชุมชนเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม โครงการสร้างผลิตภัณฑ์ประจำโรงเรียน โครงการ Chang Mobile Football Clinic โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โครงการโรงเรียนคุณธรรม โครงการส่งเสริมหลักสูตรภาษาอังกฤษ โครงการส่งเสริมหลักสูตร STEM โครงการยกระดับทางการเรียน O-NET เป็นต้น
5. คณะทำงานการจัดการขยะ โดยมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นประธานฯ ได้พัฒนาจุดรวบรวมขยะ ณ วัดจากแดง ซึ่งสามารถรวบรวมจัดเก็บขยะ Recycle ได้มากกว่า 54 ตัน สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซค์ 126 tCO2e เทียบเท่ากับต้นไม้ 14,030 ต้น พัฒนาผลิตภัณฑ์จากขยะรีไซเคิล จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างรายได้เข้าชุมชน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2,028,700 บาท ตลอดจนมีการจัดแผนอบรมความรู้การจัดการขยะครบวงจร สำหรับแผนงานสำคัญปี 2563 จะพัฒนาจุดรวบรวมและจัดการขยะอินทรีย์และขยะ Recycle (Zero Waste Hub) จัดตั้ง Zero Waste Hub และต่อยอดโมเดลการจัดการขยะอินทรีย์ (Ogafeed) จากโครงการ Waste Runner พัฒนาศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้การจัดการขยะ ณ วัดจากแดง รวมถึงพัฒนาเครือข่ายโรงเรียน Zero Waste ต่อไป
6. คณะทำงานด้านการจัดการน้ำและการกัดเซาะริมตลิ่ง โดยมี มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานฯ ดำเนินการติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและคุณภาพน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ำและพื้นที่เก็บกักน้ำในพื้นที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พัฒนาพื้นที่สวนเกษตรผสมผสานแบบร่องสวนร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริการเกษตรอย่างยั่งยืน
จากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนพัฒนาภายใต้โครงการฯ ได้เชื่อมโยงกระบวนการมีส่วนร่วม มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนองแนวพระราชดำริฯ อันจะส่งผลให้ชุมชนในพื้นที่เติบโตแข็งแรง เป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกับพื้นที่สีเขียวได้อย่างยั่งยืน และรักษาให้ “คุ้งบางกะเจ้า” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประเทศต่อไป
นอกจากนี้ ภายในงาน นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังได้ทำพิธีส่งมอบสวนเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา ให้แก่ นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นโครงการที่ ปตท. กับกรมป่าไม้ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมมือกันพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวบริเวณนี้ภายใต้แนวยุทธศาสตร์การพัฒนาของมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบคืนให้กรมป่าไม้เพื่อดูแลให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าต่อไป