บนความเปลี่ยนแปลง “ตัวผู้บริหารระดับสูง” ของกระทรวงการคลัง (ปลัดกระทรวง) และธนาคารของรัฐ โดยเฉพาะ “3 ยักษ์ใหญ่” อย่าง...ออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. ใครจะมาจะไป? ไม่สำคัญเท่ากับ “ใครอยู่ในหัวใจ?” ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในครั้งนี้
นับเป็นความบังเอิญ...บนความเปลี่ยนแปลง? ที่มีมุมมองน่าสนใจอย่างที่สุด!
เพราะการที่ “ผู้บริหารระดับสูง” ของสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐ ที่ยามนี้ ได้ดำเนินงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ต่อเนื่องมาจาก “รัฐบาล คสช.” ได้เป็นอย่างดี
ทว่าอายุการทำงานของพวกเขา...กำลังจะหมดวาระ! และสิ่งนี้...จะเกิดขึ้นไล่เรียงกันไป พร้อมกันเกือบหมดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ดันเป็นสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐขนาดใหญ่ และมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับนโยบาย ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็น...ธนาคารออมสิน ที่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฯ จะครบวาระการทำงาน ในวันที่ 15 มิถุนายน 2563
หรือจะเป็น...ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่ง นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการฯ ก็จะเกษียณอายุในช่วงเดือนตุลาคม 2563 เช่นกัน
ก่อนหน้านั้น...ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ก็มี...ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อย่าง...นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการฯ จะครบวาระการทำงาน ซึ่งนั่น...เป็นอีกเหตุผลสำคัญ ทำให้ตัวเขาตัดสินใจ...ลงสมัครชิงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน” ที่กำลังจะว่างลงในไม่ช้านี้
ในเดือนพฤษภาคมเช่นกัน ก็เป็น...นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (ธสน.หรือ EXIM BANK) ที่จะครบวาระการบริหารงาน เหมือนผู้บริหารของสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐรายอื่นๆ
ที่ดูเงียบๆ แต่ “ลงตัว” กันไปแล้ว นั่นคือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME D BANK) หลังจากที่ประกาศควานหาตัว “กรรมการผู้จัดการ” อยู่นานนับ กระทั่ง คณะกรรมการ ธพว. ได้มีมติแต่งตั้ง นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการฯ ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไปแล้วหนึ่งครั้ง
ก่อนจะแต่งตั้ง นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ รองกรรมการผู้จัดการ ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้จัดการฯ อีกครั้ง เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2562
สุดท้าย เป็น...นางสาวนารถนารี ที่จะรั้งตำแหน่ง “ตัวจริง” บนเก้าอี้...กรรมการผู้จัดการ ธพว. อย่างเป็นทางการ ในไม่ช้านี้
เรียกว่า...อลวนอลเวงกันพอสมควร โดยเฉพาะกับ 3 สถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐ ที่จัดเป็น “ยักษ์ใหญ่” และมีบทบาทสำคัญอย่างที่สุด...ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองนโยบายและเป้าหมายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น...การกระตุ้นเศรษฐกิจ ในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจภายในประเทศ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัจจัยลบ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
และการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ หลังจากประเด็นนี้...สร้างความสั่นสะเทือนต่อสถานภาพของรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก เนื่องจาก “ระยะห่าง” ระหว่าง...คนจนกับคนรวย มีฐานที่กว้างอย่างรุนแรงในช่วงรัฐบาล คสช. ต่อเนื่องถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มี “โครงสร้างอำนาจ” มาจากฐานรากเดียวกัน แล้วยังจะมี...ภารกิจหลักของแต่ละธนาคารให้ต้องขับเคลื่อนกันเสียอีก...
ขณะที่ ธนาคารออมสิน มีภารกิจใหม่กับเป็น...ธนาคารเพื่อสังคม ในส่วนของ...ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก็จำต้องเดินหน้ากับภารกิจการเป็น... ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์เอง ก็จำต้องดำเนินภารกิจ “เพื่อให้คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง”
ใครจะมานั่งเก้าอี้ตัวไหน? ในกลุ่ม 3 สถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐ ที่เป็น “ยักษ์ใหญ่” หรือในกลุ่ม “ยักษ์เล็ก” อย่าง...EXIM BANK นั้น
“สำนักข่าวเนตรทิพย์” ขอไม่ฟันธง! เพราะมี “ปัจจัยแฝง” อื่นๆ คอยแทรกอีกมากมาย
แต่พอจะเล่าสู่กันฟัง! เพื่อให้พอเห็นภาพลางๆ ก็คือ...ระหว่างที่ “ผู้บริหารระดับสูง” ของสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐ จะครบวาระการบริหารงาน และต้องสรรหากันใหม่นั้น ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็น “แม่” ของสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐทุกแห่ง ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
กล่าวคือ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง คนปัจจุบัน จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน 2563 และจะมีการเสนอชื่อ “ปลัดกระทรวงการคลัง-คนใหม่” ให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาในช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้าวันเกษียณอายุราชการ
ซึ่งหากเทียบความ “อาวุโส” ของข้าราชการระดับ 10 ที่ผ่านการบริหารงานใน “กรมภาษี” มาก่อนแล้ว คงต้องยกให้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร ที่มีสูงกว่าอีก 2 ตัวเลือกที่เหลือ อย่าง...นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร และ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต
แต่ประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นมานักต่อนักแล้ว ทำนอง...คนมี “อาวุโสมากกว่า” ใช่ว่าจะได้รับตำแหน่งสำคัญที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในแวดวงราชการประจำ
ไม่แน่ว่า...ชื่อนายเอกนิติ หรือนายพชร อาจนั่งอยู่ในดวงใจของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เป็นได้
กลับมาสู่ตำแหน่งสำคัญของสถาบันการเงินในกำกับดูแลของรัฐ ซึ่งถูกพูดถึงมากที่สุดในยามนี้ นั่นก็คือ...เก้าอี้ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ไม่เพียงความเป็นธนาคารของรัฐที่ใหญ่สุด และมีบทบาทสำคัญมากที่สุด หากแต่ห้วงเวลาที่ต้องได้ตัว “ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน” ก่อนวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ก็เป็นอีก “ตัวเร่งสำคัญ” ที่ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ “คู่ศิษย์-อาจารย์” อย่าง...นายอุตตม และนายสมคิด จะต้องเร่งสรรหาโดยเร็ว
ที่ว่า “นอนมา” อย่าง...นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ นั้น ถึงวันนี้...ก็ไม่แน่เสมอไปแล้ว เนื่องจาก “คู่แข่งคนสำคัญ” 1 ใน 3 ของผู้สมัครที่ลงท้าชิงนั้น มีชื่อของ นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการ กองทุนบำเน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รวมอยู่ด้วย
ผลงานของ นายวิทัย จัดว่า “เข้าตา” ของคนที่ต้องการจะให้มาสานต่อภารกิจที่ นายชาติชาย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน-คนปัจจุบัน” ได้ปูทางสร้างฐานเอาไว้
ที่สำคัญ เลขาธิการ กบข.คนนี้ เคยนั่งทำงานในธนาคารออมสิน...ระยะเวลาสั้นๆ มาก่อน
และปมนี้...ดันไปตรงกับข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของธนาคารออมสิน ที่ต้องการ “คนใน” มานั่งเก้าอี้ “ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน” ทั้งที่...ไม่มี “รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน” คนใด? กล้าลงสมัครชิงตำแหน่งในครั้งนี้
และไม่ว่า...จะเป็นใครใน “2 ตัวชิงคนสำคัญ” ระหว่าง...นายฉัตรชัย และนายวิทัย กระนั้น เมื่อคนหนึ่งมา...ย่อมกระทบเก้าอี้ตัวเก่าที่พวกเขาเคยนั่งอยู่...
ลำพัง...หากเป็น นายฉัตรชัย คงไม่กระทบกับธนาคารอาคารสงเคราะห์มากนัก เพราะเอาเข้าจริง...ไม่ว่าเขาจะได้หรือไม่ได้นั่งเก้าอี้ “ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่” กรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็ต้องทำการสรรหา “กรรมการผู้จัดการคนใหม่” อยู่แล้ว
แต่หาก...หวยมาออกที่ นายวิทัย แน่นอนว่า...ตำแหน่งเลขาธิการ กบข. ย่อมต้องว่างลง และต้องทำการสรรหากันใหม่...
อย่างที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เกริ่นในตอนต้น...จะไม่ขอฟันธง! ว่าใครจะมาหรือใครจะไป? และเท่าที่ได้ฉายภาพลางๆ มาพอให้เห็นเป็นสังเขปนั้น เชื่อว่า...จากนี้ไป ท่านผู้อ่านคงได้อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องในทำนองนี้ กันแบบเท่าทันในทุกความเคลื่อนไหวของผู้เกี่ยวข้องบ้าง