ใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนว “ซอมบี้” บนแผ่นฟิล์ม วันนี้...คงได้เห็นสภาพคล้ายๆ กัน แต่เกิดขึ้นจริง! บนโลกใบนี้
ภาพของคนตายที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา (เดอะ วอล์คเกอร์), ภาพการกัดกินและปล่อย “เชื้อซอมบี้” ไปยังคนอื่นๆ, ภาพการกักกันและเฝ้าระวัง “กลุ่มผู้ติดเชื้อ” จนถึงขั้น “ทำลายล้าง” ทั้งผู้ติดเชื้อและเมืองที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง
ภาพของการสร้างกำแพงปิดกั้นระหว่างเมือง และภาพของเมืองร้าง...ที่ตามถนนหนทาง และอาคารบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยง...ต่างไร้ผู้คนสัญจร จะมีก็แต่ “ฝูงซอมบี้” ที่เดินกันขวักไขว่
เฉพาะในจุดที่ปลอดภัยจาก “เหล่าซอมบี้” และมีอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างเพียงพอ จึงเป็นจุดที่แม้แต่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยังต้องห้ำหั่น ปล้นและแย่งชิง เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่ดังกล่าว
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2519 ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โควิด-19” อันมีจุดเริ่มต้นจาก...นครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน
“อู่ฮั่น” ได้ชื่อว่าเป็น...นครที่ใหญ่สุดของมณฑลแห่งนี้ มีประชากรกว่า 11 ล้านคน มากที่สุดในภาคกลางของจีน และมากเป็นอันดับ 7 แถมยังจัดเป็นหนึ่งใน “นครศูนย์กลางแห่งชาติ” ทั้ง 9 แห่งของจีนอีกด้วย
เพราะความเป็นนครใหญ่ ที่แออัดด้วยจำนวนฝูงชน จึงไม่แปลก...หากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” จะลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง จากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ไปยังมณฑลอื่นๆ และแพร่ระบาดออกนอกประเทศ
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ ที่ผู้คนทำการติดต่อค้าขายและเดินทางไปมาระหว่างกัน...กับคนในประเทศจีน วันนี้...ต่างกลายเป็น “ประเทศต้องห้าม” ของอีกหลายๆ ประเทศไปแล้ว
แต่ใช่ว่าจะมีประเทศที่รับผลพวกจาก “โควิด-19” เพียงแค่นี้...ประเทศไทยเอง ก็ใช่ว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะรอดพ้นสภาพเดียวกันกับประเทศเหล่านั้นได้
ล่าสุด เท่าที่มีการแจ้งเตือนจากนักการแพทย์ เกี่ยวกับการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ไทย โดยเฉพาะส่วนที่ดูแลการเดินทางเข้าออกตามแนวตะเข็บพรมแดน ที่พบว่า...อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ มีคุณภาพต่ำหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเทียบกับการตรวจเข้มบริเวณท่าอากาศยานทุกแห่ง
2 จุดเสี่ยงที่ถูกสงสัยว่า...อาจทำให้ประเทศไทย กลายเป็น “ประเทศต้องห้าม” ในอนาคต คือ บริเวณด่านแม่สอด จังหวัดตาก ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก หลบเข้ามาทางประเทศเมียนมา และไหลเข้าไทยในจุดนี้
อีกจุดคือ บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่เรือสำราญ “เอ็มเอส เวสเตอร์ดัม” ที่มีผู้โดยสาร กัปตัน และลูกเรือ รวมกว่า 2,200 คน ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกัมพูชา ให้เข้าจอดเทียบท่าที่เมืองสีหนุวิลล์ และปล่อยให้คนกลุ่มนี้ เดินทางท่องเที่ยวไปในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศกัมพูชา ได้อย่างเสรี
จนพบภายหลังว่า บนเรือสำราญ “เอ็มเอส เวสเตอร์ดัม” มีผู้ติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” ไม่ต่ำกว่า 20 คน และคนเหล่านี้...พยายามทุกวิถีทางที่จะเดินทางออกนอกประเทศกัมพูชา เพื่อกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเอง
ประเทศไทย...จึงเป็น “จุดเสี่ยง” ที่บางคนบนเรือลำนี้ พยายามใช้เป็น “ทางผ่าน”
แต่นั่น...ไม่น่ากลัวเท่ากับการที่เราไม่รู้เลยว่า...มีชาวกัมพูชาติดเชื้อไวรัสดังกล่าวไปแล้วกี่คน และในกลุ่มผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานรับจ้างไป-กลับ “ไทย-กัมพูชา” นั้น...มีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยในจังหวัดตามแนวพรมแดน กระทั่ง เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงของไทยมากน้อยแค่ไหน
ภาพความเป็นจริง...แม้ทางการไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง...กระทรวงสาธารณสุข จะยืนยันถึงตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” ในประเทศไทย...ที่ตัวเลขเดิม
แต่เลขที่น้อย ก็ใช่ว่า...ผู้ติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” ในประเทศไทย จะมีน้อยตามไปด้วย
ความเป็น “จุดเสี่ยง” ก็เหตุผลหนึ่ง และการที่เชื้อโรคยังไม่แสดงอาการ นั่นก็อีกเหตุผลหนึ่ง แต่ร้ายกว่านั้น...ต่อให้ผู้ติดเชื้อฯ รู้ตัวว่าตัวเองได้ติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” แล้ว แน่ใจได้อย่างไรว่า เขาจะ “กักกันตัวเอง” หรือพาตัวเองไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
สำคัญไม่ต่างกัน ก็คือ....ถึงวันนี้ และตอนนี้ ทางการไทย ได้เตรียมความพร้อม ทั้งสถานที่ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากร รองรับภาวะการแพร่ระบาดขั้นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน?
ทำการคัดแยกอย่างไร? ระหว่าง...ผู้ป่วยปกติ กับผู้ติดเชื้อไวรัส “โควิด-19”
น่าเป็นห่วงอย่างมาก หลังจากทางการประเทศญี่ปุ่น จัดทำและเผยแพร่คลิปการคงอยู่และแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัส “โควิด-19” บนรถไฟฟ้า ภาพที่เห็นคือ...เชื้อไวรัสฯ ฝังและกระจายตัวไปยังจุดต่างๆ ที่มนุษย์จำเป็นต้องสัมผัสระหว่างเดินทางบนรถไฟฟ้า ที่มีผู้คนแออัด...
ราวจับด้านบน เสาจับและทุกพื้นผิวบนตัวโบกี้รถไฟฟ้า ทั้งหมด...ล้วนมีเจ้าเชื้อไวรัสฯ เกาะติดอยู่รอให้คนไปจับต้องมัน และมันก็พร้อมจะปะปนไปกับมือ เสื้อผ้า ฯลฯ แม้กระทั่ง โทรศัพท์มือถือ
ต่อให้เราล้างมือจนสะอาด หากก่อนหน้านั้น ไปสัมผัสกับโทรศัพท์มือถือ เจ้าเชื้อไวรัสฯ ก็พร้อมจะแพร่กระจายจากโทรศัพท์มือถือไปสู่มือที่คิดว่าล้างจนสะอาดแล้ว
และหากนำมือไปสัมผัสกับผิวหนังบริเวณจุดบอบบาง เช่น ใบหน้า ดวงตา ปาก จมูก ฯลฯ โอกาสเสี่ยงที่คนๆ นั้น จะกลายเป็น “ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19” ก็มีสูง
ถึงตรงนี้...ภาพเมืองร้าง ไม่ได้มีเฉพาะแค่เมืองอู่ฮั่น หากอีกหลายเมืองใหญ่ของจีน ต่างก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง มาเก๊า ที่เคยมีภาพการแออัดยัดเยียดของฝูงชน บัดนี้...กลายสภาพเป็นเมืองร้าง ไม่ต่างจาก...บางพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์
ใครที่เคยเห็นภาพการยิงหัว “ซอมบี้” และทำลายล้างเมืองทั้งเมืองในภาพยนตร์ ไม่แน่ว่า...2-3 เดือนนับจากนี้ อาจมีให้เห็น เช่นที่มีการนำ “ภาพลับ” ของบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน มาปล่อยสู่โลกโซเชียลฯ
ข้อมูลล่าสุด ณ ช่วงเช้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ระบุว่า ขณะนี้ มียอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกถึง 80,076 คน อยู่ในประเทศจีนมากสุด 77,658 คน ขณะที่เกาหลีใต้ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อฯ นอกประเทศจีนมากที่สุดถึง 833 คน
ยังพบด้วยว่า...ผู้โดยสารบนเรือไดมอนด์ ปรินซ์เซส (คนละลำกับเรือสำราญ “เอ็มเอส เวสเตอร์ดัม”) ติดเชื้อไปแล้ว 691 คน ที่อิตาลี พบผู้ติดเชื่อ 229 คน ญี่ปุ่น 159 คน สิงคโปร์ 89 คน ฮ่องกง 79 คน อิหร่าน 61 คน สหรัฐฯ 53 คน ไทย 35 คน ไต้หวัน 30 คน
ออสเตรเลียและมาเลเซียเท่ากันที่พบยอดผู้ติดเชื้อ 22 คน ส่วนเยอรมันและเวียดนามมีเท่ากันที่ 16 คน ยูเออีและอังกฤษ อีกประเทศละ 13 คน ฝรั่งเศส 12 คน รวมถึงประเทศอื่นๆ อีก
ถึงวันนี้... “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ยังไม่เห็นภาพความชัดเจนของรัฐบาล ที่กำลังมะรุมมะตุ้มอยู่กับพรรคฝ่ายค้าน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐมนตรีรายบุคคล” ว่า...ที่สุดแล้ว จะมีรับมือและเตรียมการป้องกันเจ้าไวรัส “โควิด-19” กันเข้มข้นระดับไหน? และอย่างไร?
ยามนี้...คนไทย ทำได้ก็คือ หาทางป้องกันตัวเอง ตั้งแต่...ไม่ไปอยู่ในจุดเสี่ยงที่มีผู้คนแออัด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สวนสาธารณะ ฯลฯ
หากจำเป็นจะต้องไปในพื้นที่เหล่านี้จริงๆ ก็ต้องใส่หน้ากาก พกพาเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหมั่นล้างมือในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส ที่สำคัญ...อย่านำมือไปสัมผัสกับบริเวณที่บอบบางเป็นอันขาด
แล้วก็อย่าไว้ใจ...อุปกรณ์สื่อสารใดๆ ที่เราหอบหิ้วและพกพาไปไหนต่อไหนเด็ดขาด! เพราะไม่แน่ว่า...มือที่สะอาดแล้ว อาจติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” จากโทรศัพท์มือถือก็เป็นได้!!!