ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัท ขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์รวมถึงร่างหนังสือชี้ชวน (Public Filing) ต่อ U.S. Secunties and Exchange Commission เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2565 ประชุมเมื่อวันที่ 28 กันยายน2565 โดยที่ประชุมได้มีมติอนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแร (IPO) และการนำหุ้นสามัญของ BKV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนใน New York Stock Exchange (แผนการทำ IPO) โดยบริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้มีอำนาจควบคุมของ BKV และ BKV จะยังคงเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ณ วันที่การทำ IPO เสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ รายละเอียดข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามที่คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริษัทของ BKV และหรือบุคคลอื่นใดที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท และหรือคณะกรรมการบริษัทของ BKV เห็นสมควรรายการดังกล่าว ไม่เข้าข่ายรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทฯใน BKV การดำเนินการตามแผนการทำ IPOข้างต้น จึงเข้าข่ายเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 ซึ่งหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน พ.ศ.2547 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) โดยขนาดรายการของรายการดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากงบการเงินรวมที่สอบทานแล้วของบริษัทฯ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ตามเกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ได้ผลสูงสุด เท่ากับร้อยละ 7.27 และ 5.28 ตามลำดับ อนึ่ง บริษัทไม่มีรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์อื่นภายในระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมาก่อนประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 9/2565 แต่อย่างใด เนื่องจากขนาดรายการของรายการดังกล่าว มีจำนวนต่ำกว่าร้อยละ 15 บริษัทฯจึงไม่มีหน้าที่ในการดำเนินการใดๆ ตามประกาศรายการที่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทเห็นว่า รายการดังกล่าวเป็นรายการที่มีนัยสำคัญ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนหนือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาของหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัท จึงเห็นสมควรให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทำรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งนี้ ราคาเสนอขายจะมาจากการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นใน BKV (Book Building) ของผู้ลงทุนสถาบัน และได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการซุดย่อยของ BKV ซึ่งทำหน้าที่กำหนดราคาเสนอขาย (Pricing Committee)โดยระยะเวลาการเสนอขาย BKV จะเริ่มเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ภายใต้แผนการทำ IPO ภายหลังจากที่ U.S. Securties and Exchange Commission ได้ประกาศว่าแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ มีผลบังคับใช้แล้ว โดยบริษัทฯ คาดว่าการเสนอขายหุ้นดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2566ขณะที่เงื่อนไขที่สำคัญในการเข้าทำรายการ การเสนอขายหุ้นสามัญของ BKV ภายใต้แผนการทำ IPO ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่สำคัญดังต่อไปนี้1. ราคาเสนอขายได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการชุดย่อยของ BKV ซึ่งทำหน้าที่กำหนดราคาเสนอขาย (Pricing Committee)2. U.S. Securities and Exchange Commission ได้ประกาศว่าแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์มีผล บังคับใช้แล้ว และ3. BKV ได้รับอนุญาตจาก New Yok Stock Exchange ให้รับหุ้นสามัญของ BKV เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนสำหรับ ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัท การดำเนินการตามแผนการทำ IPO เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตให้แก่ ธุรกิจของ BKV จากการเช้าสู่ตลาดทุน และชับเคลื่อนสู่เป้าหมายในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตก็ซธรมชาติ ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2568นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำรายการดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์ ดังนี้1. BKV จะสามารถระผมทุนได้เองผ่านการทำ IPO และอาจระดมทุนเพิ่มเติมจากตลาดทุนในอนาคต2. ราคาหุ้นของบริษัทฯ อาจสะท้อนมูลค่าของเงินลงทุนใน BKV ได้มากขึ้น เนื่องจากมีราคาตลาดอ้างอิงสำหรับหุ้นในBKV3. หุ้นใน BKV จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นภายหลังการเข้าจดทะเบียนใน New York Stock Exchange ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ในการชาย หรือนำหุ้นใน BKV ที่บริษัทฯ ถือไปชำระเป็นคำตอบแทนในการซื้อหรือควบรวมกิจการอื่นใดขอบริษัทฯ ในอนาคต4. การดำเนินการตามแผนการทำ IPO เป็นการสร้างเกียรติภูมิและชื่อเสียงที่ดีให้แก่บริษัทฯ ในฐานะที่เป็นบริษัทไทยที่มีบริษัทย่อยเป็นบริษัทจดทะเบียนใน New York Stock Exchange อีกทั้งยังเป็นการสร้างชื่อเสียงที่ดีให้แก่ BKV ด้วย ทางด้านแผนการใช้เงิน โดย BKV มีแผนการใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ภายใต้แผนการทำ IPO เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ บริษัท Banpu North America Corporation ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯนอกจากนี้ เพื่อใช้เป็นคำตอบแทนตามผลการดำเนินงาน (Contingent Payment หรือ Eamnout) จากการเข้าลงทุนซื้อแหล่งก๊ซธรรมชาติบาร์เน็ตต์จาก Devon Energy Corp. และเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจทั่วไป (General CorporatePurposes) รวมทั้งคำใช้จ่ายเกี่ยวกับการขยายกิจการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utlization and Sequestration หรือ CCUS)ทั้งนี้ ราคาหุ้น Banpu ตอบรับข่าวดีนำบริษัทลูก BKV เข้าตลาดหลักทรัพย์อเมริกา โดยเปิดตลาดฯ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.20 น. ราคาซื้อขายอยู่สูงสุดอยู่ที่ 12.70 บาทต่อหุ้น ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ไอร่าฯ ให้เป้าหมายราคาในปีหน้า 18 บาทต่อหุ้น