บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) คว้าอันดับ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากการประเมินผล DJSI ประจำปี 2565 ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ สะท้อนมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระดับสากล
นายนพดล ปิ่นสุภา รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ไทยออยล์ได้คะแนนประเมินสูงสุด เป็นอันดับ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ ประจำปี 2565 จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการบูรณาการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) อย่างสมดุล ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ไทยออยล์มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จระดับโลกดังกล่าว ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 7 แล้วที่ไทยออยล์ได้รับการประเมินอยู่ในอันดับสูงสุด อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”
นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยออยล์ต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยหลายด้าน แต่ยังคงยึดมั่นหลักการในการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนไว้เสมอ ไทยออยล์ขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ที่เชื่อมั่น และให้การสนับสนุนแก่ไทยออยล์ จนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ไทยออยล์จะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตทางธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างคุณค่าร่วมแก่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป”
หมายเหตุ:
ไทยออยล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลัก คือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจบริการจัดเก็บนํ้ามันดิบ นํ้ามันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์