ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 คู่อิหร่าน-อังกฤษ ที่ถ่ายทอดสดผ่านทรู 4ยู และทรูวิชั่นส์ เมื่อค่ำวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ในส่วนของผู้รับชมทีวีผ่านระบบ IPTV ระบบอินเทอร์เน็ต และ OTT ต่างไม่สามารถรับชมรายการถ่ายทอดสดได้ มีการขึ้นจ้อความไม่สามารถรับชมรายการได้เพราะข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ ซึ่งจากการสอบถามไปยัง AIS Play ทราบว่า ถูกยื่นโนติ๊สจากทรูวิขั่นส์ และ กกท. ว่า ได้ให้สิทธิ์การถ่ายทอดสดแก่ทรูวิชั่นส์ไปแล้ว โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดผ่านทีวีระบบภาคพื้นและผ่านกล่องเคเบิลทีวีเท่านั้น ส่วนการรับชมรายการทางช่องทางอื่นๆ ไม่สามารถดำเนินการได้"ทาง AIS Play ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะ กกท. สั่งให้ปิดโดยอ้างว่า ให้สิทธิถ่ายทอดแก่ทรูวิชั่นส์ไปแล้ว และมีข้อจำกัดในการถ่ายทอด ขณะที่ในส่วน กสทช. ที่ให้เงินสนับสนุนไปตั้ง 600 ล้าน และเป็นผู้ออกประกาศหลักเกณฑ์มัสต์แคลอรี่ดังกล่าวเอง ก็ไม่ทำอะไรเลย ไม่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ประชาชนตามกฎเหล็ก Must Carry ที่ตนเองออกมา แม้เราจะสอบถามไปยังฝ่ายบริหารสำนักงานกสทช.ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร จึงจำเป็นต้องปล่อยให้จอดำ"สะท้อนให้เห็นว่ากฎเหล็กมัสต์แครี่ของ กสทช. นั้น ก็เป็นแค่ "เสือกระดาษ" ที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่สามารถจะปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนไม่ให้ถูกริดดอนแต่อย่างใด กลายเป็นว่า กกท. ขายสิทธิ์ถ่ายทอดบอลโลกครั้งนี้ไปให้ทรูวิชั่นส์ไปทำมาหากินด้วยเม็ดเงินแค่ 300 ล้าน แถม กสทช. ยังสมรู้ร่วมคิด ไม่กำกับดูแลกฎเกณฑ์ Must Carry ของตนเอง ปล่อยให้บริษัทเอกชนสมคบคิดปล้นผลประโยชน์ของประชาชนไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้ แถมตัวเองต้องเสียค่าโง่ถลุงงบไปกว่า 600 ล้าน แต่กลับไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร กลับปล่อยให้นายทุนมาละเมิดกฎที่ตนเองตั้งขึ้นมาเสียอีก แล้วอย่างนี้หรือที่จะไปออกกฎเหล็กคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนกรณีอนุมัติดิวควบรวมกิจการทรู และดีแทค ไปก่อนหน้านี้ เพราะขนาดกฎเหล็กมัสต์แครี่ที่ใช้บังคับมาเป็น10 ปียังไม่สามารถกำกับดูแลและบังคับให้บริษัทผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติตามได้