เกมนี้...ลึกกว่าที่คิด? เป้าหมายขยายผลไปไกลเกินกว่า...จะเชือด! อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ รับ “ส่วยฉาว” เพราะเป้าจริง! ของ “ผู้อยู่เบื้องหลัง - ทีมจับกุม” พุ่งไปที่ “นั่งร้าน” ในทางการเมือง? ใครที่คิดจะหนุนให้บางคน? นั่งเก้าอี้นายกฯ ในสีเสื้อของค่ายใหม่ มีสิทธิ์ถูกโยงใย
ก่ำกึ่งว่า จะเป็นกลอุบายอันอุกอาจ? ต่อปม “ล่อซื้อและเข้าจับกุม” ข้าราชการชั้นสูงดีกรีระดับ “อธิบดี” ที่หลายหน่วยงาน ภายใต้การนำของ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้บูรณาการวางแผนเข้าจับกุมร่วมกัน ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย กระทั่ง กลายเป็นเรื่องราวข่าวสารโด่งดังกระหึ่มโลก!!!
สิ่งที่พิสูจน์ว่าเป็นการ “ล่อซื้อ” นั่นคือ การจดบันทึกและทำสัญลักษณ์เลขหมายของธนบัตร ที่มีการนำส่งมอบให้กับ “อธิบดีคนดัง” อย่าง...นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าการนำธนบัตรดังกล่าวไปมอบให้กับ นายรัชฎา จะด้วยเหตุผลกลใด? อาจเพราะข้าราชการใต้อาณัติรายนั้น ต้องการจะ...ซื้อขายตำแหน่ง วิ่งเต้นโยกย้าย หรือจ่ายเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องถูกโยกย้ายออกนอกพื้นที่ปัจจุบัน หรืออะไรก็ตามที...
แต่พฤติการณ์ก่อนหน้าการเข้าจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เมื่อช่วงสายของวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการเปิดห้องให้...ข้าราชการฯ ผู้ใต้บังคับบัญชา พาเหรดตบเท้าเข้าอวยพรเนื่องในห้วงเวลาใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่า...ต้อนรับปีใหม่ อันเป็นประเพณีปฏิบัติของหน่วยงานราชการในประเทศไทย
ต่อด้วยการเข้าจับกุมและเชิญตัวไปสอบปากคำในเวลาต่อมา ระหว่างนั้น “ทีมจับกุม” นำโดย...เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ปปป. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่อาจไม่รู้สึก “อึ้ง ทึ่ง งง” เมื่อต้องพบทั้งกองเงินสดๆ จากโต๊ะทำงานของอธิบดีฯ รวมกันเกือบ 5 ล้านบาท และ “ไฮไลท์สำคัญ” นั่นคือ บัญชีรายชื่อของข้าราชการที่อยู่ในข่าย “จ่ายจริง” อีกราว 20 คน เนื่องเพราะรู้อยู่แล้วว่า...ต้องพบสิ่งต่างๆ เหล่านี้แน่ๆ
แต่ก็ต้องถือว่า...ปรากฏการณ์นี้ ไม่ธรรมดาอย่างที่สุด!!!
“ทีมจับกุม” รู้อยู่เต็มอกว่า “เป้าหมาย” คือใคร? คงไม่ใช่แค่...เป็นคนระดับอธิบดีฯ หากแต่คนๆ นี้ เป็นน้องชายของ พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 และยังเป็น...เตรียมทหารรุ่นที่ 12 เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คนที่แต่งตั้งให้ พล.อ.ยุวนัฏ ทำหน้าที่เป็น สนช. มากับมือตัวเอง
พูดให้เข้าใจง่ายๆ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ “เป้าหมาย” ของการ “ล่อซื้อและเข้าจับกุม” ในครั้งนี้ คือ “น้องเพื่อน” ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง
ดังนั้น การจะเปิดปฏิบัติการ “จับกุม” ครั้งประวัติการณ์รอบนี้ จำเป็นจะต้องมีการวางแผนและเตรียมการอย่างรอบคอบและรอบด้าน
ปิดเงียบ! ไม่ให้คนนอกทีมฯ ระแคะระคายถึงแผนการในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด
ข้อมูลหลักฐาน...ทั้งเอกสารและพยานบุคคลต้องหนักแน่น และสามารถนำมาเชื่อมโยง...ขยายผลถึงพฤติการณ์เรียกรับ “ส่วยฉาว” ได้อย่างที่ “เป้าหมาย” มิอาจจะปฏิเสธได้
ทว่าแค่นั้น...ก็ยังไม่พอ! “ทีมจับกุม” จะต้องมั่นใจใน “ทีมผู้สนับสนุน” ที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงการได้รับ “ไฟเขียว” ให้เปิดปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้
สำคัญกว่านั้น...ผู้อยู่เบื้องหลังฯ จะต้องเป็นคนระดับ “เบอร์ใหญ่” ในรัฐบาล ที่ถือ “อำนาจรัฐ” สูงกว่า...ข้าราชการประจำ และพร้อมชนกับเครือข่าย “เพื่อนนายกฯ” ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงกัน
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ไม่ขอฟันธงว่า...คนระดับ “เบอร์ใหญ่” ในรัฐบาลคนนั้น เป็นใครและทีมใด? แต่อยากให้ลองกลับไปดูและอ่านข่าวย้อนหลัง นับแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ณ วันเวลาขณะนี้
ใครที่มีประเด็นกับ กับ...พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในทางการปกครอง ในทางการบริหารราชการแผ่นดิน และในทางการเมือง จะใช่กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง...การ “สนับสนุน” และให้ “ไฟเขียว” กับ “ทีมจับกุม” หรือไม่? อย่างไร?
เชื่อว่า...ท่านผู้อ่าน คงคิดกันเองและเชื่อมประสานข้อมูลเชิงลึกชิ้นนี้...ได้ไม่ยากนัก!
“ตัวละคร” ที่อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับปมการเข้าจับกุม อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในครั้งนี้ แต่ถูกเพื่อนสื่อหลายสำนัก ต่อสายถึง...ด้วยหวังจะหาเบาะแส มุมมอง การวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ รวมถึงฉายภาพอนาคตของเรื่องนี้ ว่ามันจะขยายผลไปถึงปลายทางใด? ไม่ว่าจะเป็น
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี “ข้าราชการคนดังในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ” ที่เคยมีประเด็นกับอธิบดีฯ คนนี้ และถูกผูกโยงว่า...มีส่วนสำคัญต่อการวางแผนเข้าจับกุม “ผู้บังคับบัญชา” ของตัวเอง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ “จอมแฉ” ผู้สร้างปรากฏการณ์กระชากไส้ “ทุนจีนสีเทา” และหน่วยงานของรัฐที่เหมือนจะคอยเอาใจช่วย...มาเฟียต่างชาติกลุ่มนี้ ก็เป็นอีกคน...ที่สื่อมวลชน โดยเฉพาะ “ข่าว/รายการข่าวทีวี” ต่อสายพูดคุย
และที่จะขายไม่ได้ ก็คือ...นายดำรง พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ปัจจุบัน...ผันตัวเองไปเป็นนักการเมือง ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคที่ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคฯ นั่นคือ...พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย
คน “3 เบอร์ใหญ่” ที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เอ่ยนามมาในข้างต้น ล้วนให้ข้อมูลข้อเท็จจริง มุมมองจากการวิเคราะห์ และฉายภาพอนาคตให้ได้เห็น...ตั้งแต่ปัญหาของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เอง ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณฯ ค่อนข้างน้อย ขณะที่ภารกิจดูแลผืนป่าทั่วประเทศ กลับมีมากมาย...
เมื่อบุคลากรที่มีไม่เพียงพอเนื้องาน ทำให้นักบริหารระดับกลางๆ หลายคน...อยากขึ้นที่สูง หรือนั่งประจำในพื้นที่สวยๆ และนั่น...อาจนำมาซึ่งการต้องใช้สิ่งของมีค่าบางอย่างแลกเปลี่ยนเอามา
นั่นจึงเป็นที่มาของข้อสังเกตที่ว่า...มีกระบวนการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง และการเรียกรับเงินค่าตำแหน่ง รายชื่อ 20 ข้าราชการที่ ป.ป.ช. และ สตช. จ่อจะเรียกมาสอบปากคำ คือ สิ่งยืนยันของเรื่องนี้
ไม่เพียงการซื้อขายตำแหน่ง...ข้อมูลเชิงลึกที่บางคนในกลุ่ม “3 เบอร์ใหญ่” ยังชี้ให้เห็นว่า...นอกจากการซื้อขายตำแหน่งแล้ว ยังจะมีการเก็บและส่งส่วยจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่บางคน เพื่อส่งต่อไปถึงคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงยิ่งกว่า...เพื่อให้ “คนปลายทาง” นำไปจัดสรรและทำการ “มัดก้อน” ส่งต่อไปยังคนที่ “ถืออำนาจรัฐ” สูงกว่า...
หนีไม่พ้นการเชื่อมโยงไปยัง “นักการเมือง” ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทั่งร้อนถึง “เดอะท็อป” นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ต้องออกตัวและเร่งกำชับให้มีการสอบสวนเรื่องนี้โดยพลัน!
ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้...หากทุกอย่างมีมูลความจริง! ไม่ว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะเก็บไว้กินเองในยามเกษียณราชการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือว่าจะ “ส่งต่อ” ให้กับคนที่มีอำนาจเหนือกว่า แม้กระทั่งผนวกรวมในแบบ “วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง” ก็ตาม...
แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมายหลักและเป้าหมายสำคัญ เพราะลึกๆ ตามแผนของคนที่อยู่เบื้องหลัง “ทีมจับกุม” แล้ว พวกเขาต้องการจะขยายผลและบาดแผลไปยัง “เพื่อนพี่ชาย” ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ คนนี้
ใครที่ได้อ่านหัวข้อข่าวของหน้าหนังสือพิมพ์และดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์ คงได้ความรู้สึกเดียวกันว่า...งานนี้ ต้องมีการขยายผลไปยังคนที่มีอำนาจสูงกว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ อย่างแน่นอน
และจะไม่หยุดอยู่แค่ภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่จะลากยาว...สาวไส้ไปถึงคนในทำเนียบรัฐบาล ด้วย
ใครที่จะเป็น “นั่งร้าน” ให้ใคร? แม้กระทั่ง “เป้าหมายตัวจริง!” คนเบอร์ใหญ่สุด! ที่อยู่ในแผนกระชากลงมาจากนั่งร้านในทางการเมือง ล้วนเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องขยายผลไปถึง
สังคมไทยจึงได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ สั่งย้ายให้ “น้องเพื่อน” ดีกรี...อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาช่วยราชการประจำอยู่ในทำเนียบรัฐบาล และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเป็นการด่วน!
คนที่ตามข่าว...ดูเผินๆ เหมือน นายกรัฐมนตรีจะสั่งลงโทษอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทว่ากับความคิดของ “คนวงในสุดลึก” แล้ว กลับเห็นต่าง เพราะการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อกรณีนี้ พวกเขาแปลความว่า...นายกรัฐมนตรี กำลังปกป้อง “น้องเพื่อน” ด้วยซ้ำ เพราะเหตุหากปล่อยให้อยู่ภายนอกทำเนียบรัฐบาล อาจถูกสาวลึกถึงไส้ในได้มากกว่านั้น และอาจลากยาว...สาวโยงไปถึง “คนโต” ในรัฐบาลกันเลย
ฝ่ายหนึ่งพยายามจะเชื่อมต่อ อีกฝ่ายพยายามจะบล็อกและปิดกั้น
ถึงบรรทัดนี้...ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ที่สุด! เรื่องมันจะลงเอยในระดับใด? และสาวโยงไปถึงใคร? กันบ้าง...แต่นี้แน่ๆ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น “สำนักเนตรทิพย์” ของฟันธงตรงนี้ว่า...
งานนี้...มีขบวนการ “รื้อนั่งร้าน” หวังทำลายฝัน “คนอยากเป็นนายกฯ” ในสังกัดสีเสื้อการเมืองใหม่อย่างแน่นอน
ดังนั้น...ใครที่คิดจะทำตัวเป็น “นั่งร้าน” ในทางการเมืองให้กับใครบางคนนั้น? ดูท่าว่า...คงยากจะหลีกหนีพ้นวังวนการเชื่อมประสานกับการเรียกรับ “ส่วยฉาว” ภายในกรมอุทยานแห่งชาติฯครั้งนี้!