ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ว่า หุ้นถ่านหิน มีโอกาสจะฟื้นตัว ในแง่กลยุทธ์ ราคาหลักทรัพย์ถ่านหินขนาดใหญ่ คือ BANPU และ LANNA ที่ถูกขายทำกำไรระยะนี้ มีโอกาสจะกลับมาฟื้นตัวได้ หากพิจารณาภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหินที่ยังมีความสดใสอยู่ทั้งนี้ อุปสงค์ถ่านหินยังแข็งแกร่ง ตลาดล่วงหน้าถ่านหิน บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในราว 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันคือ อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง แต่อุปทานกลับมีจำกัด ทั้งนี้การเกิดภาวะลานีญา ก็ส่งผลให้อากาศมีความชื้น และมีน้ำท่วม ที่ประเทศออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ยังผลให้การผลิตถ่านหินมีอุปสรรค ดังนั้น อุปทานจึงจำกัดลง แต่กลับส่งผลดีกับราคาถ่านหินยุโรปและอินเดียต้องการใช้ถ่านหินสูง โดยเฉพาะรัสเซียได้ลดอุปทานก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป จากภาวะสงครามกับยูเครน ส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินมีสูงขึ้นในแถบยุโรป นอกจากนี้การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจของอินเดีย ก็ทำให้ความต้องการนำเข้าถ่านหิน เพิ่มสูงขึ้น เพื่อไปผลิตกระแสไฟฟ้าโดยในช่วงปี 65 การบริโภคถ่านหินเพิ่ม 1.2% จากรายงานประจำปีของ IEA ความต้องการบริโภคถ่านหินในปี 2565 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตรา 1.2% แต่ก็มากกว่า 8 พันล้านตัน และถือว่าทำสถิติสูงสุดมาตั้งแต่ปี 2556ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ของ Banpu ยังคงแข็งแกร่ง จากราคาถ่านหินและก๊าชธรรมชาติอยู่ที่ 300 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 5.5 เหรียญสหรัฐต่อพันลูกบาศก์ฟุต เนื่องจากคาดว่าราคาพลังงานอื่นยบังคงทรงตัวในระดับสูง จากการเปิดประเทศของจีน และตลาดน้ำมันยังคงตึงตัวจากการยกเลิกนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของยุโรป “ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าว คาดว่า ธุรกิจถ่านหินจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA อยู่ที่ 2,698 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจก๊าชธรรมชาติ คาดว่าจะมี EBITDA อยู่ที่ประมาณ 931 ล้านเหรีญสหรัฐ ดังนั้น ยังแนะนำซื้อ Banpu ด้วยราคาพื้นฐานที่ 17 บาทต่อหุ้น”ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวการซื้อ-ขายหุ้น Banpu เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ราคาปิดที่ 12.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น .20 บาท