“วงษ์สยามก่อสร้าง” ร้องนายกฯ เร่งรัด “อีสต์วอเตอร์” ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี หลังเซ็นสัญญามานานกว่า 60วัน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งรัดการส่งมอบทรัพย์สินโครงการดังกล่าว หลังได้เซ็นสัญญากับกรมธนารักษ์ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2565 เนื่องจากระยะเวลาผ่านมานานกว่า 60 วันแล้ว
หนังสือร้องเรียนฉบับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ได้แนบหลักฐานของกรมธนารักษ์ที่ส่งไปถึง บริษัทอีสต์วอเตอร์ ผู้เช่ารายเดิมให้ส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) คืนให้แก่กรมธนารักษ์ภายใน 60 วัน แต่จนถึงขณะนี้ กรมธนารักษ์ยังไม่ได้รับมอบทรัพย์สินจากบริษัทอีสต์วอเตอร์ จึงเป็นเหตุให้กรมธนารักษ์ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สินทั้งสองโครงการให้กับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง
บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง แจ้งว่า ภาครัฐได้รับความเสียหายจากเหตุกรมธนารักษ์ไม่สามารถหาข้อยุติในการเจรจากับอีสต์วอเตอร์ และส่งมอบทรัพย์สินให้บริษัทวงษ์สยามฯล่าช้า
ประเด็นแรก หากกรมธนารักษ์ส่งมอบทรัพย์และระบบท่อส่งน้ำให้บริษัทวงษ์สยามฯ ได้ รัฐจะได้รับค่าแรกเข้าจำนวน 870 ล้านบาท จากบริษัท วงษ์สยามฯ และได้รับส่วนแบ่งรายได้ในอัตราร้อยละ 27 ต่อปี จากการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก
ประเด็นที่ 2 ช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทอีสต์วอเตอร์ฯ จ่ายผลประโยชน์ในการแบ่งรายได้ให้กับกรมธนารักษ์เฉลี่ยปีละ 19.6 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภาครัฐคืน ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เฉลี่ยปีละ 333 ล้านบาท
เมื่อรวมผลประโยชน์ที่บริษัทอีสต์วอเตอร์ จ่ายเงินปันผลแก่ กปภ. และ กนอ. กับจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับกรมธนารักษ์แล้ว คิดเป็นเงินเฉลี่ยปีละ 353 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทวงษ์สยามฯ ผู้ชนะการประมูลรายใหม่ เสนอผลตอบแทนในระยะเวลา 30 ปี เป็นเงิน 25,693 ล้านบาท หรือเฉลี่ย ปีละ 856 ล้านบาท นับว่า บริษัทวงษ์สยามฯให้ผลประโยชน์ต่อรัฐมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
ในประเด็นที่ 3 ระหว่างคณะของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ รวมถึงผู้บริหารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบพื้นที่โครงการท่อส่งน้ำฯ พบท่อส่งน้ำของบริษัทอีสต์วอเตอร์ เชื่อมต่อกับท่อน้ำของกรมธนารักษ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และจะต้องตรวจสอบว่า บริษัทอีสต์วอเตอร์จ่ายผลประโยชน์ให้แก่กรมธนารักษ์ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่เพียงใด หากบริษัทอีสต์วอเตอร์ ยังคงครอบครองใช้ประโยชน์ท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ย่อมส่งผลให้กรมธนารักษ์เสียประโยชน์
ประเด็นสุดท้าย บริษัทวงษ์สยามฯ เซ็นสัญญามานานกว่า 60 วัน แต่ยังไม่ได้รับการส่งมอบพื้นที่จากกรมธนารักษ์ จึงได้รับความเสียหายในหลายประการ คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,023 ล้านบาท ประกอบด้วย การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อทำสัญญา ค่าแรกเข้าจำนวน 580 ล้านบาท ค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายปี จำนวน 44 ล้านบาทเศษ ค่าหลักประกันสัญญา 118 ล้านบาทเศษ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 743 ล้านบาทเศษ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามเงื่อนไขของสัญญาเป็นเงิน 280 ล้านบาท
ดังนั้น การส่งมอบทรัพย์สินล่าช้าอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทวงษ์สยามฯ จนไม่อาจจะเยียวยาในภายหลังได้ จึงขอความอนุเคราะห์จากนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โปรดพิจารณาสั่งการเร่งรัดให้กรมธนารักษ์ติดตามทวงถามให้บริษัทอีสต์วอเตอร์ ส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่กรมธนารักษ์ เพื่อกรมธนารักษ์ส่งมอบทรัพย์สินให้กับบริษัทวงษ์สยามฯ จัดการบริหารโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ให้แก่ประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานภาครัฐ