"เจ้าสัวคีรี" สวนกลับ ป.ป.ช. มีวาระซ่อยเร้นแจ้งข้อกล่าวหาหาสุดคาใจ ถามกลับแค่สัญญาจ้างเดินรถมีอะไรซับซ้อนหมกเอาไว้ตั้ง 11 ปี จู่ๆ ตีปี๊บผิดกฎหมาย ทั้งที่ไม่มีรายละเอียด ลั่นพร้อมต่อสูงถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (15 มีนาคม 66) ว่า เมื่อเวลา 13.00 น. นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธาน บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ BTSC พร้อมผู้บริหารบีทีเอสซี (BTSC) ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดสัญญาจ้าง BTS หน้าบริการเดินรถไฟฟ้า 30ปี หลีกเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 35 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ 2542
โดย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่เป็นปัญหานี้ มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2543 สมัยผู้ว่า กทม. นายพิจิตร รัตตกุล และได้นำเสนอขออนุมัติจาก ครม. โดยรูปแบบจะให้เอกชนลงทุนส่วนต่อขยาย 3 สายทาง 100 % และได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2543 โดยต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ปี2535 ทุกทะเบียดนิ้ว
แต่เมื่อเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาลงทุน ก็กลับไม่มีเอกชนรายใดเสนอตัวเข้ามา จึงมีการขอทบทวนมติ ครม. ขอเปิดการเจรจาตรงกับบีทีเอสซี เมื่อ 26 ธันวาคม 43 โดยกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้เหตุผลว่า คณะกรรมการได้ดำเนินการพิจารณา เห็นพ้องร่วมกันแล้วเมื่อไม่มีเอกชนรายใดเสนอตัวเข้ามาลงทุนจึงขอเจรจากับบีทีเอสซี โดยตรงต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ กทม. มีการเจรจากับบริษัทโดยคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 13 แต่บริษัทไม่สามารถจะลงทุนได้ เพราะบริษัทประสบปัญหาขาดทุนอยู่จากการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ท้ายที่สุด เมื่อคณะกรรมการตามมาตรา 13 ไม่สามารถอนุมัติให้ได้ จึงมีหนังสือรายงาน ครม.ว่า บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขที่ ครม. อนุมัติได้ หลังจากนั้น กทม.ได้นำเสนอแนวทางที่จะลงทุนโครงการรถไฟฟ้าเอง โดยจะลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน และมอบหมายให้กรุงเทพธนาคม จำกัด วิสาหกิจของ กทม. เป็นผู้ลงทุนเอง แล้วจ้างให้เอกชนมาเดินรถไฟฟ้า ซึ่งเท่าที่ทราบ กทม. ได้มีการหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่า สามารถทำได้ โดยไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ก่อนมีการเชิญบริษัทเข้ายื่นข้อเสนอ จนนำมาสู่การลงนามในสัญญา ซึ่งในข่วงเวลานั้น ก็ถูก ส.ส.ท่านหนึ่งยื่นเรื่องร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ ป.ป.ช. แต่ในส่วนของ DSI ได้ยุติคดีไปตั้งแต่ปี 56 แล้ว เข่นเดียวกับอัยการสูงสุดที่มีคำสั่งเด็ดขาดให้ยุติคดีไปเช่นกัน
แต่ในส่วนของ ป.ป.ช. กลับปรากฏว่า เรื่องได้เงียบไปเป็นเวลานับ 10 ปี จู่ๆ วันที่ 10 มกราคม 66 ป.ป.ช. กลับมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา ดังที่ปรากฏเป็นข่าว โดยที่ไม่มีรายละเอียดเลยว่า ป.ป.ช. มีหลักฐานอะไรที่ชี้ให้เห็นว่า BTS มีพฤติกรรมการทุจริตดังกล่าว
เบื้องหลังตีปี๊บขี้มูลสายสีส้ม
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการบีทีเอส กล่าวว่า บีทีเอส เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้รับรางวัลบริษัทระบบขนส่งมวลชนดีที่สุดของโลกติดต่อกัน 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัลบริษัทธรรมาภิบาลดีเด่นด้วย แต่จากการดำเนินการของใครบางคนในเรื่องนี้ในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ออกมาเผยผ่านสื่อในช่วง 2-3 วันนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัย
เพราะการไต่สวนเรื่องนี้ทำมาตั้งแต่ปี 55 เกือบ 11 ปีมาแล้ว ทั้งที่เรื่องที่สอบนั้น หาเป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนมากนักหรือ ถึงใช้เวลานานตั้ง 11 ปี หลายข้อหาก็ขาดอายุความไปแล้ว และเหตุใดจึงมาแจ้งข้อกล่าวหาเอาในช่วงนี้ ช่วงที่ นายคีรี กาญจนพาสน์ และ บีทีเอส ออกมา เคลื่อนไหวคัดค้านประมูลสายสีส้ม และมีการนำเอกสารเผยแพร่สื่อ ทั้งที่เป็นเอกสารลับ
นอกจากนี้ การนำเอกสารออกมาเผยแพร่สื่อในครั้งนี้ยังมีความไม่ชอบมาพากล ที่เอกสารลับเหล่านี้ไปปรากฏในสื่อมวลชน ทำให้หุ้นบีทีเอส ตกติดฟลอร์ เป็นการจ้องทำลายบีทีเอส หรือไม่ เพราะมีการมอบอำนาจให้องค์คณะ ป.ป.ช. ไต่สวน คงต้องถามว่าใครนำเอกสารออกมาเปิดเผย เกิดความเสียหายต่อบริษัทอย่างไร ต้องการทำลายชื่อเสียงของบริษัทหรือไม่
"เป็นการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล มีเบื้องหลัง ไม่ตรงไปตรงมา ซึ่งคงต้องย้อนถามไปยังท่านประธาน ป.ป.ช. ควรไปตรวจสอบและตอบสังคม เพราะถ้าบีทีเอส ที่เป็นบริษัทมหาชนยังถูกกระทำได้ถึงขนาดนี้ ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของ ป.ป.ช. ได้อย่างไร"
ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ที่ส่งมายังนายคีรี และบริษัทนั้น ไม่มีรายละเอียดใดๆ เลย ที่กล่าวหาว่า เราไปร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดนั้น ก็ไม่มีรายละเอียดว่า พฤติกรรมการสมรู้ร่วมคิดร่วมกระทำผิดนั้นเป็นอย่างไร บีทีเอสไปร่วมตั้งแต่เมื่อไหร่
"อย่าลืมว่าส่วนต่อขยาย 2 สายทางนั้น กทม. ก่อสร้างเสร็จไปและทิ้งร้างเอาไว้ถึง 8 ปี กว่าจะมาว่าจ้าง BTS เดินรถ จึงไม่เข้าใจว่าแล้ว BTS ไปร่วมกระทำผิดตั้งแต่เมื่อไหร่"
ลั่นสู้หัวชนฝา - อยากทำลายบริษัทก็เอา
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บีทีเอสซี กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ BTS เวลานี้ ตนยอมรับไม่ได้ ประวัติการทำงานของตนไม่มีมลทิน และเป็นนักต่อสู้ จะไม่ยอมพ่ายให้กับความไม่เป็นธรรมแบบนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการที่ตนเข้าไปประมูลสายสีส้ม ทำให้กระทรวงคมนาคมเริ่มมีข้อโต้แย้งเรื่องของสัมปทานสายสีเขียวมาโดยตลอด แต่ตนยืนยันว่า แม้จะบีบเราอย่างไร แต่คนอย่างผมไม่มีทางอ่อนแอ ไม่มีทางหยุดเดินรถไฟฟ้า จะทำลาย BTS อย่างไรก็ไม่ได้แน่
"ผมจะสู้ต่อจนถึงที่สุด ทั้งผู้ว่าฯ และผู้นำประเทศ ผมยืนยันยังไหวอยู่ นอกจากรัฐบาลจะแกล้งโดยใช้วิธีการสกปรกกว่านี้"
ส่วนปัญหาหนี้ที่เผชิญอยู่นั้น นายคีรีกล่าวว่า นับตั้งแต่ผู้ว่าฯ ชัชชาติเข้ามา มีปัญหาตลอด โดยเฉพาะปัญหาหนี้ที่จนถึงวันนี้ บริษัทยังไม่ได้รับชำระ แม้จะมีคำสั่งศาลปกครองก็ตาม จนวันนี้หนี้ท่วมท้นไปเกือบ 50,000 ล้านแล้ว สอบถามไป กทม. ก็ไร้คำตอบ ถามไปยังรัฐบาลก็ไม่มีคำตอบอ้างรอ กทม.อยู่ ทั้งที่บริษัทช่วย กทม. มาโดยตลอด
"ทุกวันนี้เราช่วย กทม. มาโดยตลอด ต้องจัดเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ไปฝั่งธน 15 บาท ส่งให้ กทม. ทุกวัน แม้ทางบัญชีเราจะมีรายได้ แต่ไม่มีจริง เพราะถูกติดหนี้อยู่ และหากวันหนึ่งหนี้ท่วมจนบริษัทไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่สามารถเดินรถได้วันนั้นรัฐบาลและผู้ว่าฯ กทม. ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่บริษัท"