ยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่เสร็จสิ้น!
กับเรื่องของการสรรหาและแต่งตั้ง “ เลขาธิการ กสทช.” คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช) ที่กำลังเรียกแขกให้งานเข้า เป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว ”ที่ทำเอาองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ “กสทช.” แตกดังโพล๊ะ!
หลัง ศ คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. “หักดิบ” จะดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งด้วยตนเอง โดยอ้างว่าเป็นอำนาจของประธานที่จะต้องหาแม่บ้านที่ไว้ใจมาทำงานร่วมกัน อีกทั้งตามกฎหมายจัดตั้ง กสทช.กำหนดให้ดำเนินการได้ 2 วิธีอยู่แล้วคือ ให้บอร์ด กสทช. เลือกสรร หรือประธานเลือกสรรเอง ซึ่งตนเองตัดสินใจไปแล้วว่าจะดำเนินการเลือกเองตามมาตรา 60 และ 61 ของ พ.ร.บ.จัดตั้ง กสทช.
แม้บอร์ด กสทช.คนอื่น ๆ จะตบเท้าทัดทานกันอย่างหนักอย่างไร โดยยืนยัน นั่งยันว่า ตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.นั้น ไม่ใช่ “เลขานุการส่วนตัว” หรือ แม่บ้านส่วนตัวของใคร แต่เป็นหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรอิสระ ที่มีความสำคัญยิ่งยวดในการกำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ครบวงจร เกี่ยวพันกับกิจการหมื่นล้านแสนล้าน จะมามุบมิบ ๆ แต่งตั้งเองราวกับหาแม่บ้านหรือเลขานุการส่วนตัวไม่ได้
แต่ประธาน กสทช. ก็ยืนยันนั่งยัน เป็นอำนาจที่สามารถดำเนินการได้ก่อนจะเดินหน้าออกประกาศประธาน กสทช.เปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นเลขานุการ เอ้ย เลขาธิการ กสทช.ไปเมื่อปลายเดือน เม.ย. - ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยวิธีพิเศษโดยประธาน กสทช. จะสะกิดบอกเองว่าใครสมควรจะมาสมัครบ้าง
สุดท้ายมีคนตบเท้าสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการฯ ตั้ง 1 ราย คือ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการฯ ที่ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. นั่นแหล่ะ ก่อนที่ท่านประธาน กสทช. จะออกประกาศขยายเวลารับสมัครออกไปอีก 1 เดือน เพื่อจะได้สรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มเติมเข้ามา
ซึ่งล่าสุดก็นัยว่า มีผู้สมัครเข้ารับการสรรหารวม 9 รายด้วยกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร จากนั้นจะเรียกผู้ผ่านคุณสมบัติมาสอบสัมภาษณ์ โดยคาดว่าจะได้เลขา กสทช. คนใหม่ภายในเดือน ก.ค.นี้ หรือช้าสุดไม่เกินเดือน ส.ค.นี้ โดยจะเลือกเหลือ 5 คน เพื่อใหคณะกรรมการ กสทช. โหวตรับรองอีกที
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายแสดงความห่วงใย หากสุดท้ายแล้วบอร์ด กสทช.ไม่เอาด้วยกับว่าที่เลขาธิการ กสทช. ที่ท่านประธานชงเข้ามาขอ “ตรายางประทับ-รับเบอร์แสตมป์” แล้วมันจะมองหน้ากันติดหรือ? ท่านประธานจะยัง “ดั้นเมฆ” สร้างตราบาปให้กับแม่บ้าน หรือ “เลขาธิการ กสทช.” ไปทำไมกัน
มันจะกลายเป็น”ตราบาป”แบบเดียวกับที่ “อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” คนหนึ่ง (ขอโทษที่ไม่สามารถเอ่ยนาม) ที่เคยตัดสินคดี “พรก.เงินกู้ 2 ล้านล้านเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งระบบราง” ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร ในอดีต ที่เจ้าตัวระบุว่า “ให้ประเทศไทยปลอดถนนลูกรังเสียก่อน ค่อยมาพิจารณาลงทุนรถไฟความเร็วสูงจะดีกว่าไหม” จนกลายเป็นคำพิพากษาที่สร้างตราบาปทำเอาประเทศไทยล้าหลังเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ไปในปัจจุบัน เพราะได้แต่นั่งดูรถไฟความเร็วสูงของจีน-สปป.ลาว แทน
ยิ่งล่าสุด ตัวบุคคลที่ท่านประธานหมายมั่นปั้นมือจะกระเตงเข้ามาคั่วตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. คู่ใจที่ว่านั้น ดันมาสะดุดตีนตัวเอง จนหัวคะมำจากผลงานอื้อฉาวในอดีตในการเจียดเอาเม็ดเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือกองทุน USO 600 ล้านเพื่อสนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 จาก FIFA มาให้คนไทยได้ดูในทุกแพลตฟอร์ต
แต่ไม่รู้สำนักงานเลขาธิการ กสทช. ไปเจรจาต้าอวยกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กันอิท่าไหน จึงทำให้ลิขสิทธิ์บอลโลกที่ได้มาจากเม็ดเงินกองทุน USO ที่ว่า กลับถูกประเคนไปให้แก่บริษัทเอกชน “ชุบมือเปิบ” ไปซะฉิบ โดยที่ กสทช.ได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่ขัดประกาศ กสทช. ว่าด้วยการถ่ายทอดสดกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือกฎเหล็ก “มัสต์แคร์รี่” อย่างชัดเจน
สุดท้ายตัวรักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่เคยถูกคาดหมายว่า จะข้ามห้วยมาเป็นเลขาธิการ กสทช. แบบ “นอนมา” ต้องถูกบอร์ด กสทช.ปลดพ้นตำแหน่งและตั้งคณะกรรมการสอบวินัยซ้ำ ปิดประตูลั่นด่านเส้นทางการสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นว่าที่เลขาธิการ กสทช. ไปโดยปริยาย
ในเมื่อทุกอย่างมันพลิกผัน ไม่เป็นไปตาม “ไทม์ไลน์” ที่ท่านประธานวางไว้แล้ว ก็สู้กลับมาตั้งหลักดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ที่ว่านี้ให้มันสง่างามไปเลยทีเดียวไม่ดีกว่าหรือท่านประธาน !
อย่าให้ลงเอยเหมือนกับ “นายกฯ (รักษาการ)” ของประเทศสารขันธ์ ที่แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งแบบ “หมดรูป” ผู้คนหมดศรัทธา แม้จะอ้างว่าได้ทุ่มเททำงานมาอย่างหนัก มีผลงานประจักษ์มากกว่ารัฐบาลชุดใด ๆ ในอดีต
แต่ผู้คนก็ยังคงเพรียกหาแต่ "นายกฯ พิธา นายกฯ พิธา พิธา พิธา ทุกลมหายใจ จริงไม่จริง !!!!