สมใจอยาก “คนเพื่อไทย - ขวัญใจเสื้อแดงเฉดเข้มข้น!” ได้คืน “นายกฯ เก่า” และได้เพิ่ม “นายกฯ ใหม่” แต่การบริหารประเทศของ “นายกฯ เศรษฐา” ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของเจ้าของคะแนนเสียงส่วนใหญ่ อาจสร้างปัญหาตามมาได้ ฉะนั้น ทางออกเดียว คือ นั่งควบเก้าอี้ “ขุนคลัง” และผลักดันนโยบายเฉพาะกิจ “แจกเงินดิจิทัล” คนละหมื่น ต่อลมหายใจไปได้จนถึงงบใหม่ฯ ปีหน้า
……………………………
22 สิงหาคม วันเดียว...คนไทยได้นายกรัฐมนตรีถึง 2 คน!!??
คนแรก...“นายกฯ คนเก่า” ลำดับที่ 23 “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ วัย 73 ปี ทันทีที่เดินทางกลับไทย หลังปากเคยบอกจะกลับบ้าน...แต่ก็ผิดแผนมาแล้วถึง 19 ครั้ง และครั้งนี้...คงสมใจบรรดา “นายแบก-นางแบก” กันถ้วนหน้า
“ทักษิณ” กลับมารับโทษใน 3 คดีที่เหลือ กับจำนวนปีที่ต้องติดคุก 10 ปี
ส่วนจะติดครบหรือน้อยกว่านั้น...ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด แม้กระทั่งการขอพระราชทานอภัยโทษ กระนั้น ถือว่า...คนไทย โดยเฉพาะ “คนเสื้อแดง” เฉดแดงสุดเข้มข้น...ก็ได้คืน “นายกฯ คนเก่า” กันไปแล้ว
คนที่สอง...ได้ “นายกฯ คนใหม่” ลำดับที่ 30 “เศรษฐา ทวีสิน” ในวัย 60 ปี หลังจากบรรดาสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส.พรรคร่วมรัฐบาล และ สว.สาย 2 ลุง หันมาโหวตสนับสนุน “แคนดิเดทนายกฯ” จากพรรคเพื่อไทย...จนได้เก้าอี้นายกฯ ตัวนี้...สมใจอยากกันไป
หันดูที่จำนวนมือของสมาชิกรัฐสภาที่ยกมือโหวตให้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ คนที่ 30 พบว่า...ในจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในวันนี้ (22) มีทั้งสิ้น 728 เสียง ขาดประชุม 19 เสียง
โดยมี สส. และ สว. เห็นชอบ 330 เสียง และ 152 เสียง รวม 482 เสียง ขณะที่ สส. และ สว.ที่ไม่เห็นชอบ 152 เสียง และ 13 เสียง รวม 165 เสียง สำหรับ สส. และ สว.ที่งดออกเสียงมีด้วยกัน 81 เสียง แยกเป็น สส. 13 และ สว. 68 เสียง ตามลำดับ
มากล้นเกินไปด้วยซ้ำ! สำหรับเก้าอี้นายกฯ ตัวใหม่...ในรอบนี้
ปมที่ “คนเพื่อไทย” คุยโม้มาตลอด ว่า...โหวตเลือกนายกฯ รอบนี้...จะเป็นไปในลักษณะ ม้วนเดียวจบ! มันก็จบกันจริงๆ และจบแบบสมใจอยากของใครหลายคน
หลังจากที่รอกันมายาวนานกว่า 9 ปี แต่การได้เก้าอี้นายกฯ และเป็นแกนนำรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย? โจทย์ยากที่จะมีตามมา ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ก็คือ...
ในท่ามกลางกระแสความรู้สึกไม่พอใจของคนไทย...เจ้าของคะแนนเสียงเลือกตั้งรอบนี้ พวกเขาต่างคาดหวังจะเห็น “รัฐบาลประชาธิปไตยที่แท้จริง” เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างอำนาจของประเทศ เมื่อโดนพรรคเพื่อไทย...กลับลำและหักหลัง ย่อมสร้าง “พลังลบ” ที่พร้อมจะออกมาต่อต้าน “รัฐบาลเพื่อไทย” อย่างไม่ต้องสงสัย?
น่าสนใจว่า...จากนี้ไป การบริหารประเทศของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ภายใต้การนำของ นายกฯ เศรษฐา จะเดินหน้ากันไปอย่างไร? จึงจะลดกระแสแรงเสียดทานจากความไม่พอใจของคนกลุ่มนี้ได้...
ฟังเสียงจากนักวิชาการที่เกาะติดเรื่องการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย...น่าสนใจยิ่งนัก!
ผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า “สติธร ธนานิธิโชติ” แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า...ภาพรวมรัฐบาล “เศรษฐา 1” ที่มีการผสมข้ามขั้วกับรัฐบาลเดิมนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำและเคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือ...
การเดินหน้าผลักดันนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนไทยวัย 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีมากกว่า 50 ล้านคน นั่นก็หมายความว่า...รัฐบาลจะต้องหาเงินมาแจกจ่ายผ่านโครงการนี้ ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท
“สติธร” ย้ำว่า... นโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ผลักดันไม่ยากเนื่องจากเป็นโครงการเฉพาะหน้า ที่ใช้งบกลางและงบประมาณที่เหลือบางส่วนมาผสมกัน น่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และการเป็นนโยบายเฉพาะหน้า เฉพาะกิจ จะทำให้คนรู้สึกว่ารัฐบาลเข้ามาก็สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้เลย แต่โจทย์ต่อไป คือ หลังจากนั้นจะทำอย่างไรเพราะนโยบายนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมากเต็มที่ 6 เดือน
ส่วนตัวนักวิชาการรายนี้ เขาบอก... ไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการใช้เงินงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้จากงบกลาง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกระทรวงอื่นๆ ในโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตัวรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ไม่สามารถขยับตัวอะไรได้มาก เพราะงบประมาณถูกวางกรอบเอาไว้แล้วสำหรับปีแรกในการทำงาน จึงต้องไปดูงบประมาณฯ ในปี 2568 ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะจัดสรรและวางกรอบงบประมาณเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างไร?
นักวิชาการรายนี้ ยังเชื่อว่า... นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตจะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในระยะสั้น เพราะการเกิดขึ้นของรัฐบาลชุดนี้ ถูกตั้งบนสถานการณ์ที่คนไม่พอใจเยอะ เนื่องจากมีการข้ามขั้วมาจับมือกัน ดังนั้น การที่จะผลักนโยบายอะไรออกไป ที่จะสามารถเห็นผลได้ทันทีโดยเร็วก็จะสามารถลดกระแสต่อต้านเหล่านี้ได้ซึ่งก็เป็นผลดี
“ในระยะสั้นอาจจะเป็นผลดีแต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไปก็คือนอกจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ตแล้ว ยังมีนโยบายอื่นที่พรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ตัวเองกับการเดิมพันตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งน่าจะเป็นโจทย์ใหญ่” สติธร ระบุ
สำหรับปมลึกเบื้องหลัง...การโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 “ม้วนเดียวจบ!” นั้น วงในการเมืองแห่งรัฐสภาไทย ต่างรู้กันดีว่า...เป็นเพราะอะไร? ยิ่งได้รับการตอกย้ำจาก สว.บางคน? ที่ออกมาเปิดโปงถึงขบวนการ “แจกกล้วย” ให้กับบรรดาสมาชิกรัฐสภาบางคน? ยิ่งทำให้เข้าใจเนื้อหาของเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
ส่วนจะเชื่อมโยงกับการที่อดีตนายกฯ ทักษิณ กลับไทยมารับโทษในไทยหรือไม่? หรือจะลากยาวไปถึงการต่อสู้ในคดีฮั้วประมูลสร้างก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ และอดีตแกนนำ กปปส. ได้เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ในวันเดียวกัน
กระทั่งล้างสิ้นมลทินบาป! ของแกนนำทุกสี ทุกกลุ่มหรือเปล่า? ก็สุดจะคาดเดาได้
นอกจากแจก “กล้วย” แล้ว ยังจะมีโควตาการจัดสรร “เก้าอี้รัฐมนตรี” ของพรรคร่วมรัฐบาล อันที่จริงเรื่องนี้...ต้องคุยให้จบ! ตั้งแต่ก่อนหน้าจะถึงการโหวตเลือกนายกฯ ในรัฐสภาแล้ว
สิ่งที่ พรรคเพื่อไทย...ต้องยอม คือ สละกระทรวงเกรด A ที่ตัวเองอยากได้ ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ที่ยอมไม่ได้ คือ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ
ว่ากันว่า...เพื่อให้เกิดการกระจายเก้าอี้รัฐมนตรีให้ครบทุกพรรคร่วม จำเป็นที่ “นายกฯ เศรษฐา” อาจต้องนั่งควบ กระทรวงการคลัง เหตุที่ต้องกำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจนี้ เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล
แน่นอนว่า...ทุกโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล หากกระทรวงการคลัง ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นชอบแล้ว...การจะผ่านงบประมาณในการขับเคลื่อนโครงการใดๆ ก็ตาม จะทำไม่ได้ และโครงการนั้นๆ ก็อาจจะถูกตีตกกันไป
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม? นายกฯ เศรษฐา จึงต้องถ่างขานั่งควบเก้าอี้ รมว.คลัง
ถึงบรรทัดนี้... “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ขอแสดงความยินดีและขอเอาใจช่วย..รัฐบาลใหม่และนายกฯ คนใหม่ ในการขับเคลื่อนนโยบายใดๆ ก็ตาม ที่จะก่อประโยชน์และสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยและคนไทยในทุกมิติ
ขณะเดียวกัน ก็ขอเอาใจช่วยและเชียร์พรรคฝ่ายค้าน...ก้าวไกล ให้ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีและถึงที่สุด!
อะไรดีและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม...ขอให้ สส.ก้าวไกล ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกรัฐสภา ได้โปรดแสดงความเป็น “นักการเมืองมืออาชีพ” และเป็นความหวังของคนไทยส่วนใหญ่ ช่วยกันสนับสนุนรัฐบาล...
อายุรัฐบาลชุดนี้... จะได้สร้างบทเรียนทางการเมืองฉบับใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล เพราะ...การเลือกตั้งสมัยหน้า...ประเทศชาติและประชาชน คงต้องฝากอนาคตไว้กับพวกคุณแล้ว!!!