คปภ. ผนึกพันธมิตรฟินเทค สร้างแนวร่วมคนรุ่นใหม่พัฒนาวงการ InsurTech หวังเพิ่มศักยภาพประกันภัยไทยสู่เวทีสากล เหตุเพราะการพัฒนา InsurTech เต็มรูปแบบ คือ ทางออกประกันภัยไทยสู้ผลกระทบจาก Digital Disruption
ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลพวงจากสงครามการค้า ซึ่งพัฒนาไปสู่ “สงครามทางการเงิน” ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังทางการจีนประกาศปรับลดค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงหยวนต่อบาทของไทย ไปก่อนหน้านี้
โลกยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” กระทั่ง สร้างพฤติกรรมใหม่ของผู้คนในสังคมโลก และเป็นพฤติกรรมที่อยู่กับตัวเองกับอุปกรณ์สื่อสาร ที่พร้อมจะพาพวกเขาไปสู่โลกแห่ง “ดิจิทัล เทคโนโลยี”
ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ ทำให้หลายองค์กร โดยเฉพาะกลุ่ม “เรคกูเรเตอร์” ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลและส่งเสริมภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในสายงานของตัวเอง เพื่อให้ก้าวข้ามพ้นจากสภาวะ Technology Disruption อันเป็นผลพวงจากพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของ “ดิจิทัล เทคโนโลยี”
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็เป็นหนึ่งในกลุ่ม “เรคกูเรเตอร์” ที่จะต้องนำพาภาคธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยของไทย เพื่อให้ก้าวข้ามสิ่งที่เรียกว่าเป็น Insurtech หรืออย่างน้อย ก็ให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุดจากความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) แจ้งว่า ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เข้าร่วมงาน TFTA Forum ครั้งที่ 6 จัดโดยสมาคมฟินเทคประเทศไทย ภายใต้การการสนับสนุนของ สำนักงาน คปภ. ด้วยแนวคิด “Insurtech เทคโนโลยีประกันภัย สะดวก มั่นใจ และเข้าถึง” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การประกันภัยและเทคโนโลยี ในมุมมองของหน่วยงานกำกับดูแล” เมื่อที่ 15 ส.ค.62 ณ ชั้น 10 อาคาร Knowledge Exchange (KX Center)
สำหรับการจัดงานดังกล่าว ถือเป็นเวทีที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเข้าถึงการประกันภัยและการนำเทคโนโลยีประกันภัย มาเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย อันจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล กลุ่มธุรกิจประกันภัย และกลุ่มเทคโนโลยีประกันภัย (InsurTech Startup) สมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันภัย Startup ตลอดจน Center of InsurTech, Thailand (CIT) โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาคธุรกิจประกันภัยและจาก Center of InsurTech Thailand หรือ CIT มาสะท้อนมุมมองและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องบทบาทของ InsurTech และความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีประกันภัยเพื่อเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย
ทั้งนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวตอนหนึ่งว่า ตามกฎหมายกำหนดให้สำนักงาน คปภ. กำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยและคนกลางประกันภัยให้อยู่บนพื้นฐานความถูกต้องเป็นไปตามหลักกฎหมาย แม้ตามกฎหมาย คปภ. จะไม่ได้กำกับดูแล startups โดยตรง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องให้การส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มนี้ เนื่องจากปัจจุบัน InsurTech ได้เข้ามามีบทบาทกับการประกันภัยมากขึ้น อาทิ การขายผลิตภัณฑ์ online และการแจ้ง claim online อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยไทยยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไม่เต็มที่ ขณะที่เกิดสภาวะ digital disruption ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกประเภทรวมถึงธุรกิจประกันภัย หากต้องการให้อยู่รอด จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจโดยนำ InsurTech มาใช้ให้เต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. มีบทบาท 2 ด้าน คือ ด้านกำกับดูแล ซึ่งต้องไม่เข้มงวดจนเป็นอุปสรรคต่อการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ และด้านส่งเสริม ซึ่งจะต้องสร้าง Ecosystem เพื่อเอื้อต่อการพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี รวมทั้งต้องมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้นวัตกรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานคปภ.มีการดำเนินการตามโครงการทดสอบนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการสำหรับธุรกิจประกันภัย (Insurance Regulatory Sandbox) และการจัดตั้งศูนย์ CIT เพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (InsurTech) และเทคโนโลยีประกันภัยในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย (Supervisory Technology : SupTech) รวมทั้งมีการปรับปรุงกระบวนการให้ความเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัย File & Use พัฒนา chat bot และ application แจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ “Me Claim” ต่อไปจะขยายขอบเขต Sandbox ให้ยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัย และคนกลางประกันภัย สามารถนำนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจ
โดยศูนย์ CIT ได้เริ่มดำเนินกิจกรรม University Bootcamp โดยมี Theme เกี่ยวกับ การประกันสุขภาพ เนื่องจากประเทศไทยเข้าใกล้สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และคนไทยมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น จึงต้องพัฒนาส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมการคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ผู้ชนะจะได้ใบเบิกทางเพื่อต่อยอดไปสู่การพัฒนานวัตกรรมและสร้าง application ใหม่ๆ ให้กับวงการประกันภัยไทยต่อไป
“ผมคาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประกันภัย และขอฝากความหวังไว้กับ Startup รุ่นใหม่ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้จะต้องบูรณาการร่วมกันกับพันธมิตร ทั้งสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อพัฒนาและส่งเสริมขีดความสามารถให้กับวงการเทคโนโลยีสารสนเทศในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า และสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัยใหม่ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด” เลขาธิการ คปภ. ย้ำในที่สุด!
ถึงตรงนี้ คนในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยในประเทศไทย คงพอจะเบาใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง หลังจากเหตุท่าทีและบทของ สำนักงาน คปภ. ในยุคของเลขาธิการฯ ที่ชื่อ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ แล้วว่า...เขามีวิสัยทัศน์และพันธกิจต่อการจะรังสรรค์และนำพาธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยของไทย ให้ก้าวข้ามพ้นสภาวะ Digital Disruption ได้อย่างไร?
โดย..กากบาทดำ