ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่กรมได้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนที่สนใจเข้ายื่นข้อเสนอการร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-โคราช (m6) และสายบางใหญ่กาญจนบุรี (M 81) ในรูปแบบ PPP Gross Cost ระยะเวลา 30 ปี มาตั้งแต่ปลายปี 61 ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน มีมติเห็นชอบให้ผู้ยื่นข้อเสนอหาจำนวน 3 รายผ่านเกณฑ์การประเมินซองข้อเสนอที่ 1 ด้านคุณสมบัติและเทคนิคประกอบไปด้วย
1. บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BEM ยื่นข้อเสนอทั้งสาย m6 และ M 81
2. บริษัทยูนิคเอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด มหาชน ร่วมกับบริษัท China Communication construction Company ยื่นข้อเสนอสำหรับสาย M 6 ในนามกิจการร่วมค้า UN -CCCC และยื่นข้อเสนอ สาย M81 ในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า CCCC-UN
3. กิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน), บริษัทชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ราชกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ยื่นข้อเสนอทั้ง 2 สาย
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้เปิดซองข้อเสนอ ซองที่ 2 ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอนแทนแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า กิจการร่วมค้า BGSR เป็นผู้เสนอขอรับค่าตอบแทนจะรับต่ำสุดทั้งสองสายทาง โดยโครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช หรือ m6 ยื่นขอรับค่าตอบแทน 21,329 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มกิจการร่วมค้า CCCC-UN และ BEM ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 26,289 ร้านบาท และ 29,849 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่กาญจนบุรีนั้น กิจการร่วมค้า BGSR ยื่นขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ 17,809 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มกิจการร่วมค้า UN-CCCC และ BEM ขอรับค่าตอบแทน 23,149 ล้านบาท และ 25,196 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้คณะกรรมการคัดเลือกจะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดและความสมบูรณ์ของข้อเสนอ ซองที่ 2 ของผู้ยื่นทั้ง 3 รายครั้งก่อนพิจารณาจัดลำดับเพื่อหาผู้ผ่านการประเมินสูงสุด โดยจะพิจารณาข้อเสนอขอรับค่าตอบแทนต่ำที่สุดเป็นเกณฑ์ คาดว่าจะทราบผลในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2562 นี้ จากนั้นจะ พิจารณาข้อเสนอ 2 ที่ 3 หรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของกรมทางหลวงต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอผู้ชนะการคัดเลือกก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 2563
สำหรับขอบเขตของการร่วมลงทุนของเอกชน ประกอบด้วย งานระยะที่ 1 การลงทุนออกแบบและติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง และระบบบริหารจัดการจราจรที่ทันสมัย พร้อมก่อสร้างอาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายในเวลา 3 ปี จากนั้นจะเป็นงานระยะที่ 2 เอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานและบำรุงรักษา O&M เป็นระยะเวลา 30 ปี ครอบคลุม การจัดเก็บเงินค่าผ่านทางแล้วนำส่งให้กรมทางหลวง การบริหารจัดการและควบคุมการจราจร งานด่านชั่งน้ำหนัก กู้ภัย การซ่อมแซมบำรุงรักษาถนนและอุปกรณ์ระบบต่างๆ เป็นต้น โดยเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนการให้บริการหลังการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้วภายในวงเงินไม่เกิน 33,258 ล้านบาท สำหรับสายบางปะอิน-โคราช และไม่เกิน 27,828 ล้านบาท สำหรับสายบางใหญ่-กาญจนบุรี