
"ลิซ่า" สส.พรรคประชาชน ตั้งข้อกังขาเงิน 12 ล้าน ที่พบในลังพลาสติกทิ้งในคอนโดย่านเมืองทองธานี พบเป็นหน้าห้อง-ที่ปรึกษาหน้าห้อง กสทช. กลุ่มเปิดทางทรูควบรวมดีแทค นั่งอนุกรรมการใหญ่หลายชุด เชื่อเกี่ยวโยงประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่อีก ขณะ “ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว” แอ่นอกรับเจ้าของเงินก้อนโต!
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีผู้พบเงินสดปึกใหญ่ รวมกว่า 12 ล้านถูกนำมาทิ้งในกล่องพลาสติกใต้คอนโดเมืองทองธานี ก่อนจะมีการตรวจสอบพบว่า เจ้าของเงินเป็น 1 ในคณะทำงานและที่ปรึกษาหน้าห้องกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. รายหนึ่ง จนนำมาสู่การตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงนำเงินสดมากมายมาทิ้งแบบนี้
ล่าสุด "ลิซ่า - น.ส.ภคมน หนุนอนันต์" สส.พรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "เงิน 12 ล้าน กับเอกสาร กสทช. “เรื่องบังเอิญ” เหรอ?

โดยระบุว่า ข่าวล่าสุด กสทช. รีบออกมาบอกว่า นายทวีวัฒน์ (ที่แสดงตัวเป็นเจ้าของเงิน) ไม่ใช่พนักงานของ กสทช. ถูกต้องค่ะ ไม่มีสื่อหัวไหนระบุว่าเขาเป็น “พนักงาน” แต่สื่อบอกชัดว่า เขาเป็น “หน้าห้องกรรมการ”
และชัดยิ่งกว่านั้น นายทวีวัฒน์คือ “ที่ปรึกษา” ของกรรมการ กสทช. คนหนึ่ง ที่มีบทบาทชี้ขาดในมติสำคัญอย่างการควบรวม "ทรู–ดีแทค"

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ตุลาคม 2565 กรรมการ กสทช. คนนี้ เป็นหนึ่งในเสียงที่ลงมติว่า กสทช. มีอำนาจแค่ ‘รับทราบ’ การควบรวมทรู–ดีแทค ไม่ใช่ ‘อนุญาตหรือไม่อนุญาต’
ท่าทีแบบนี้คือการตีความที่ “ลดอำนาจตนเอง” เปิดทางให้ดีลควบรวมขนาดใหญ่ผ่านฉลุย!
และนายทวีวัฒน์ที่ปรึกษาคนสนิทของกรรมการผู้นั้นก็เป็น “เสียงข้างน้อย” ในอนุกรรมการ ที่มีความเห็นไปในแนวเดียวกันว่า กสทช. แค่รับทราบ ไม่มีสิทธิอนุญาต (เอกสารการประชุมปี 65)
บังเอิญมั้ย! ชวนตั้งคำถามว่าเงินสด 12 ล้านบาท โผล่มาพร้อม “เอกสารราชการ กสทช.” ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย เบี้ยประชุม
อนุกรรมการ กสทช. ออกมาบอกว่า “เป็นเงินคนละเรื่องกับเอกสาร” แต่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้อย่างไร ที่ “ใบหักภาษีของที่ปรึกษา กสทช.” ไปอยู่ในลังเดียวกับเงินสด 12 ล้าน? มันไม่ใช่ถุงกล้วยแขกที่ใครจะโยนเอกสารหล่นใส่กันง่าย ๆ!
นี่คือปัญหาระดับโครงสร้างขององค์กรกำกับสื่อสารที่ควรเป็นอิสระ แต่กลับมี “กลไกเงา” แทรกซึมในทุกชั้น คนที่นั่งในบอร์ดอนุกรรมการล้วนถูกส่งมาโดยบอร์ดใหญ่ และนายทวีวัฒน์ ก็อยู่ในอนุกรรมการสำคัญหลายชุด
และอย่าลืมวันที่ 29 มิถุนายนนี้ มี “การประมูลคลื่นความถี่” รอบใหม่ ผู้เล่นก็หน้าเดิม เจ้าเดิม มีแค่ทรู กับเอไอเอสยื่นซอง รายอื่นไม่ได้แข่งกับเขา เรื่องนี้ กสทช. มีหน้าที่ชี้แจง แต่ “สังคมจะเชื่อหรือเปล่า” นั่นอีกเรื่อง
เรื่อง กสทช. มีอีกเพียบ และเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้ดิฉันได้รับเอกสารเรื่องราวต่างๆ ของ กสทช. ที่น่าติดตามหลายเรื่อง

“ทวีวัฒน์ เส้งแก้ว” แอ่นอกรับเจ้าของเงินก้อนโต!
นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ทนายความ และบุคคลที่ถูกระบุว่า เป็นทีมงานหน้าห้องและที่ปรึกษา กสทช. รายหนึ่ง ได้เดินทางมาแสดงตัวว่า เป็นเจ้าของเงินจำนวน 12 ล้านบาท และกล่าวถึงถึงที่มาที่ไปของเงิน เป็นเจ้าของเงิน โดยเงินจำนวนดังกล่าวที่ไปทิ้งตรงนั้น เนื่องจากตนนำขยะไปทิ้ง เพราะจะต้องเข้าซ่อมห้องในวันอาทิตย์นี้ เนื่องจากในห้องเกิดน้ำท่วม จนซับมีสภาพเน่า แต่จากการที่ตนให้ปากคำไป เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งตนก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบเอาเอง ว่าเงินเป็นของตนจริง โดยตนมีหลักฐานยืนยัน เส้นทางการเงินนี้เป็นเงินมาจากธนาคาร เงินจำนวนดังกล่าวเก็บมาตั้งแต่ปี 63 เนื่องจากตนเป็นทนาย และเป็นที่ปรึกษาอีก 4-5 บริษัท

ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา กสทช. จนรับตำแหน่งกลางปี 65 โดยเมื่อวานนี้ ตอนประมาณเที่ยง ตนได้ยกกล่องขยะไปทิ้งหลายกล่อง มีทั้งถุงดำ ลังไวน์ ประมวลกฎหมาย สาเหตุที่ไปทิ้งตรงจุดนั้น เนื่องจากลิฟท์ตรงหน้าห้องตนอยู่ใกล้กับลิฟท์ที่ลงไปชั้นเลขคู่ ตนจึงลงบันไดไปลิฟท์ชั้น 4
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตนมาพบว่าห้องตนถูกน้ำท่วม จึงได้แจ้งนิติบุคคล ซึ่งตนเข้าไปในห้อง พบว่าของภายในเน่าเสียหมด ซึ่งตนได้ตำหนินิติบุคคลไปว่า น้ำที่มันท่วมไหลออกไปนอกห้อง ทำไมไม่ตรวจสอบ ซึ่งห้องนี้ตนไม่ได้อาศัยอยู่ แต่จะกลับมาดูทุกอาทิตย์ ห้องนี้ตนซื้อมาตั้งแต่ปี 2538 ตอนที่ตนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
ส่วนสาเหตุที่นำเงินมาเก็บสะสมที่นี่ เนื่องจากกลัวโจร สาเหตุที่ไม่ฝากธนาคารเนื่องจากต้องมีการใช้จ่าย ซึ่งช่วงนั้นตนตั้งใจว่าจะลงการเมืองด้วย และในธนาคารตนก็ยังมีเงินอีกประมาณ 10 กว่าล้าน
นายทวีวัฒน์ กล่าวต่อว่า พอตนเห็นภาพจากข่าวก็รู้สึกดีใจ แต่ก็แปลกใจ ว่าทำไมตนถึงลืมเงินได้ 12 ล้าน ดีใจงวดนี้ไม่ต้องซื้อลอตเตอรี่เพราะได้เงิน 12 ล้านแทน แต่หลังจากนี้ตนก็ต้องเตรียมหลักฐานมายืนยัน แต่ก็ไม่กลัว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวมาจากธนาคาร เงินนี้ตนเบิกมาจากธนาคารด้วยตัวเอง หลังจากเป็นที่ปรึกษา 4 บริษัท แต่เงินจำนวน 12 ล้าน ไม่ได้มาทีเดียว มันทยอยมา ก็จำรายละเอียดไม่ได้ว่ามาวันไหนบ้าง คาดว่าน่าจะมาปี 63 ปีเดียว อันนี้เป็นรายได้ของตนจากงานทนายและที่ปรึกษา
ผ่านมา 5 ปี ตนก็ไม่ได้ตรวจสอบดูเลย ลืมไปว่ามีเงิน ถ้าใส่เซฟก็กลัวว่าโจรจะรู้ว่ามีเงินและยกเซฟไป ที่คอนโดแห่งนี้น่ากลัว และเนื่องจากตนไม่ได้อยู่อาศัยที่ห้องด้วย ถ้าโจรมันรู้ว่ามีเงินอยู่ในเซฟก็จะมาเอาไป ซึ่งห้องที่ตนเก็บเงิน ตนทำประตูล็อคไว้ 3 ชั้น ถ้าว่างตอนเย็นให้ไปดูที่ห้องที่เก็บเงิน แต่วันนี้ไม่ได้
นายทวีวัฒน์ กล่าวด้วยว่า เอกสารที่เห็นว่าเป็นซอง จ่าหน้าถึงตอนนั้น เป็นเอกสารภาษีหัก ณ ที่จ่าย จาก กสทช. เพราะตนเป็นที่ปรึกษามาประมาณ 10 ปี เอกสารนั้นไม่ได้เกี่ยวโยงอะไร มันเป็นเอกสารเบี้ยประชุมครั้งละ 8 พันบาท อย่าเอาไปโยงมั่ว เพราะตนเป็นทนายต้องระวัง จนเห็นจากข่าวทุกช่อง เรื่องที่โยง กสทช. ตนไม่ได้ออกมาปกป้องใคร ก็ต้องปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่ของเขาไป
ตนเป็นที่ปรึกษา กสทช. และเป็นทนาย หากสื่อทำข่าวนำเสนอไปโยงมั่ว อันนี้เป็นเรื่องอันตรายขอฝากไว้
หมายเหตุ: อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-เนตรทิพย์: Special Report
ผลประโยชน์ทับซ้อนที่แท้ทรู! เบื้องหลัง “ต่อพงศ์ เสลานนท์” โหวตอุ้มดีลควบรวม “ทรู-ดีแทค” ที่แท้เป็นอดีตกุนซือความยั่งยืนรถไฟความเร็วสูง ก่อนข้ามห้วยนั่ง กสทช. ด้านสภาผู้บริโภคชี้มติควบรวมขัดกฎหมายเตือน กสทช. ตายทั้งกลม
https://www.natethip.com/news.php?id=5940
