
"สุริยะ" ตั้ง กก.สอบค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง หลังพบปล่อย "งานงอก - VO" ทะลักกว่า 7,500 ล้าน ทำค่าก่อสร้างทะลุแสนล้าน ด้านโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จ่อเจริญรอยตามหลังผู้รับเหมาช่วงแบกค่าก่อสร้างงานงอก VO ไม่ไหว ร่อนหนังสือขอเลิกสัญญา แต่การรถไฟยังยื้อสุดฤทธิ์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. มีมติอนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วง ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต รวมทั้ง 3 สัญญาเพิ่มอีก 7,581.12 ล้านบาท เป็น 104,449.45 ล้านบาท จากเดิม 96,868.3 ล้านบาท พร้อมอนุมัติให้รถไฟฯ จ่ายหนี้แก่เอกชนกรณีการเปลี่ยนแปลงค่างานเพิ่มเติม (VO)
นายสุริยะ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้กระทรวงคมนาคมประสานไปยังกระทรวงการคลัง ให้เป็นผู้จัดหาแหล่งเงินเพื่อจ่ายค่างานเพิ่มเติม หรือ VO ในสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างงานโยธาสถานีกลางบางซื่อและดอกเบี้ยให้กับกลุ่มบริษัท ยูนิค เอนจิเนียริ่ง จำกัด จำนวน 7,140.99 ล้านบาท แบ่งเป็นค่า VO 5,015.30 ล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับเอกชนจำนวน 2,078.624 ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้รับผิดชอบคาดว่าจะสามารถหาเงินมาชำระได้ทันตามกำหนดที่ศาลมีคำสั่ง

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาเมื่อ 10 เม.ย.2568 ให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทหมายเลขดำที่ 79/2564 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 79/2565 ลงวันที่ 21 พ.ย.2575 ให้การรถไฟฯชำระเงินให้แก่กิจการร่วมต้าเอส ยู ที่มีบริษัทยูนีคเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) กรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาโครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตามคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VO) จำนวน 4,204.28 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 27.654 ล้านบาท โดยให้ รฟท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดภายใน 60 วันสิ้นสุดภายในวันที่ 9 ก.ค.2568
นายสุริยะ กล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ว่า มีหลายกรณีที่ภาครัฐปล่อยให้เกิดภาระดอกเบี้ยสะสมโดยไม่จำเป็นถือเป็นความเสียหายต่อประเทศอย่างยิ่ง ดังนั้นกระทรวงคมนาคม เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบสาเหตุของการเกิด ค่างานเพิ่มเติม หรือ Variation Order (VO) ในสัญญาที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านบาทต่อวัน รวมถึงวิเคราะห์ต้นตอที่ทำให้เกิดดอกเบี้ยจำนวนมาก พร้อมทั้งตรวจสอบว่าเหตุใดจึงไม่มีการเร่งเจรจากับเอกชนเพื่อลดภาระที่เกิดขึ้น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้องาน (VO) นับหมื่นล้าน จนการรถไฟฯ ถูกผู้รับเหมาฟ้องเรียกค่าเสียหายแล้ว จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เฟสแรก ช่วงกรุงเทพ-โคราช ระยะทาง 250 กม. วงเงินก่อสร้าง 1.79 แสนล้านบาท ก็มีแนวโน้นที่จะมีค่าก่อสร้างเพิ่มเติม หรือค่างาน VO ทะลักนับ 10,000 ล้านตามมาเช่นกัน จากการที่การถไฟฯ ต้องปรับแบบก่อสร้างหลายแห่ง ทั้งที่อยุธยาที่กระทบแหล่งมรดกโลก และสถานีโคราช

โดยเฉพาะการก่อสร้างสถานีโคกกรวด ที่ต้องมีการปรับแบบก่อสร้างทางยกระดับและสถานีตามข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ ทำให้ต้องยกรางและสถานีจากระยะทาง 5 กม. เป็น 12 กม. ทำให้ค่าก่อสร้างงานนอกสัญญาเกิน 5% เป็นกว่า 30% มีงานก่อสร้าง VO เพิ่มเติมนับพันล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้ทำเรื่องขออนุมัติงบเพิ่มเติมส่วนนี้ไปแล้ว แต่ถูกกระทรวงคมนาคมตีกลับให้ทบทวนตัวเลขใหม่
ล่าสุด มีรายงานว่า ผู้รับเหมาช่วง Sub contract ในโครงการนี้ได้ร้องขอยกเลิกสัญญา และขอค่างานก่อสร้าง BG จากผู้รับเหมาไทย แต่ยังเจรจาตกลงกันไม่ได้ จนทำให้การก่อสร้างโครงการชะงัก เนื่องจากผู้รับเหมาไม่สามารถจะแบกรับภาระค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเองได้ จนกระทบต่อสถานะของบริษัททำให้ไม่สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของงานใดๆ